บทที่ 46 – ตอนที่ต้องอ่านของ สยบรัก
ตอนนี้ของ สยบรัก โดย ชะนีติดมันส์ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 46 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
"หนูคุยกับใครอยู่ลูก" ภูธรได้ยินเสียงลูกสาวก็เลยรีบลงมาดู
"เปล่าค่ะไม่มีอะไร สงสัยจะเป็นหมาแมวแถวๆ นี้" หญิงสาวไม่กล้าเอ่ยพูดให้พ่อฟัง เพราะกลัวว่าท่านจะกลัวที่นี่
"หนูเข้าห้องน้ำเสร็จหรือยังล่ะ"
"เสร็จแล้วค่ะ เราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่าค่ะพ่อ"
"..มึงทำบ้าอะไรวะ เกือบแล้วไหมล่ะ" คนที่แอบซ่อนอยู่ถึงกับตำหนิตัวเอง เขามัวชะเง้อหาเธอ แต่เท้าดันไปเหยียบถูกกิ่งไม้เข้า
เช้าวันต่อมา..
"คุณพ่อจะรีบออกไปแต่เช้าเลยเหรอคะ" หญิงสาวที่กำลังทำกับข้าวอยู่เอ่ยถามผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นว่าท่านเตรียมพร้อมที่จะออกไปแล้ว
"วันนี้เตรียมแปลงผักใหม่ เห็นว่าจะปลูกกะหล่ำปลีและข้าวโพด ก็เลยจะรีบไปช่วยตาพงษ์สักหน่อย"
"ลูกทำกับข้าวเสร็จเดี๋ยวตามไปส่งนะคะ"
ภูธรได้แต่ส่งยิ้มแบบละมุนให้กับลูกสาว แล้วก็รีบออกไป เพราะกว่าจะเดินไปถึง
สายๆ ของวันเดียวกัน
"ขึ้นมาทานข้าวกันดีกว่าค่ะ" หญิงสาวถือกับข้าวไปวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วเธอก็เอาเสื่อมาปูเพื่อที่จะวางสำรับกับข้าวที่เตรียมมา
ที่มิลานต้องได้เตรียมกับข้าวมาเอง ก็เพราะวันนี้แม่กับป้า มาช่วยกันเตรียมแปลงผัก
หญิงสาวเอากับข้าวมาวางไว้เหมือนตอนที่ลงแขกเกี่ยวข้าว พอเห็นว่าเธอเตรียมเสร็จแล้วพวกท่านก็ขึ้นมา
"แล้วหลานชายของตาพงษ์ล่ะ ยังไม่ขึ้นมาจากไปเอาปลาอีกเหรอ" คนที่ถามก็คือภูธร
"หลานชายหมายความว่ายังไงคะ?" มิลานถามขึ้นแบบตกใจ เพราะหลานชายของลุงพงษ์มีสองคน แต่ไม่ว่าจะถามหาใคร ก็ต้องมีเขาอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้ากลับมาก็ต้องกลับมาด้วยกัน
"หลานชายลุงพงษ์ก็คนที่เอาปลามานั่นแหละ ที่พ่อเอาไปให้หนูทำเมื่อเย็นวานนี้"
เขากลับมาแล้วเหรอ? ..เธอยังไม่รู้ว่าเขากลับมาอีกครั้งแล้ว ใบหน้างามมองดูป้ากับลุง เพราะพวกท่านไม่พูดอะไรให้ฟังเลย
"กลับมาเมื่อวานนี้" ป้าพูดเสียงอ่อยๆ ออกมา เพราะยังไม่มีโอกาสที่จะเล่าให้มิลานฟังเลย
"ลูกกลับบ้านก่อนนะคะ"
"แล้วลูกไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอ"
"ไม่ค่ะลูกจะกลับไปทำงานบ้านต่อ" เธอต้องรีบหลบไปก่อน เพราะได้ยินพวกท่านพูดว่าเขาไปเอาปลาแถวนี้เดี๋ยวคงขึ้นมา
..นี่เขากลับมาแล้วเหรอ เขากลับมาทำไม แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะมาด้วยไหม แต่เขาคงไม่เอาคู่หมั้นมาตกระกำลำบากแบบที่ทำกับเราหรอกมั้ง ..หญิงสาวได้แต่พูดกับตัวเอง และคิดว่าจะหลบหน้าเขาไปก่อน เพราะเขาคงจะมาไม่นานเดี๋ยวคงกลับกรุงเทพฯแล้ว
มิลานรีบกลับมาที่บ้าน น้ำที่ใช้ไปเมื่อวานนี้ เธอหวังว่าจะกลับมาเติมให้เต็ม แต่พอกลับมาถึง..
"ใครตักน้ำใส่ตุ่ม?" ..คงไม่ใช่เขาใช่ไหม? แต่จะเป็นเขาได้ยังไง เขาไม่รู้นี่ว่าเราอยู่บ้านหลังนี้
เขาจะรู้ได้ยังไงก็ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจใยดีอะไรเราเลย ..ภาพที่เธอตามขอร้องให้เขาช่วยพ่อ มันยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเลย แถมยังมีคู่หมั้นโผล่มาอีกคน
จะทำยังไงได้ก็ในเมื่อเธอใจง่ายให้เขาไปก่อนทำไมล่ะ พอได้แล้วเขาจะช่วยหรือไม่ช่วยมันก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ
มือเรียวถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตา ทำไมเธอถึงจะไม่ห่วงแหนสิ่งที่เสียให้เขาไป
เย็นวันเดียวกัน..
โชคดีที่ตอนเช้าเธอเตรียมอาหารไปให้พวกท่านได้ทานถึงเที่ยง ก็เลยไม่ต้องเอาข้าวเที่ยงไปส่งอีก เพราะกลัวว่าจะไปเจอเขา
อยู่บ้านมิลานก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ หาไม้แถวนั้นมาไว้ก่อไฟทำกับข้าวตอนเย็น และปัดกวาดเช็ดถู
"วันนี้ได้ปลามาเยอะเลยลูก" ผู้เป็นพ่อถือปลามาส่งให้ลูกสาว ด้วยใบหน้าที่ปลื้มปริ่ม เพราะไม่เคยเห็นวิถีชีวิตชนบทแบบนี้
หญิงสาวรับปลานั้นมาและก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใครที่ไปหา..เธอมองดูปลาในถัง "ทำมาแล้วเหรอคะ"
"ไอ้หำมันทำมาให้แล้วลูก"
"ไอ้หำ?" ชัดเลยเมื่อได้ยินพ่อเรียกชื่อนี้ และพ่อของเธอคงจะไม่รู้จักเขา ส่วนเขาก็คงจะไม่รู้จักพ่อของเธอเช่นกัน มันก็เลยทำให้มิลานสบายใจขึ้นหน่อย เพราะป้ากับลุงคงจะไม่พูดอะไรอยู่แล้ว
"ตาพงษ์บอกว่าหมักด้วยเกลือไว้..แล้วพรุ่งนี้เอาออกมาตากแดด จะได้เป็นปลาแดดเดียวไว้ทำกินได้นานๆ"
"ค่ะพ่อ" ใบหน้างามยกยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินพ่อพูดเหมือนเข้าใจทุกอย่าง มันอาจจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ ที่พ่อของเธอไม่ต้องไปอยู่สังคมปั้นหน้าพวกนั้นอีกแล้ว
"แล้วแม่ล่ะคะ"
"แม่ยังอยู่บ้านกับป้าวรรณี เดี๋ยวคงตามมามั้งลูก" ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็มองทอดสายตาออกไปที่บ้านหลังนั้น อยากจะรู้ว่าเขากลับมาด้วยไหม
ตะวันเริ่มคล้อยลงไปมากแล้ว และบรรยากาศในเวลานี้มันชวนให้เงียบเหงาในอุรา นกน้อยกำลังบินเข้ารัง ท้องฟ้าเป็นสีเหลืองทองอร่าม คนตัวเล็กหลบมานั่งอยู่ด้านหลังบ้าน เผื่อว่าเขาเดินผ่านมาทางนี้กลัวว่าจะเห็น ส่วนหนึ่งที่เธอหลบ เพราะอาย..อายจนไม่สามารถที่จะพบหน้าเขาได้ ทั้งๆ ที่ยอมเอาตัวเองเข้าแลก เพื่อให้ได้มากับสิ่งที่ต้องการ แต่พอเขาได้ตัวไปแล้ว กลับไม่เหลียวแลไม่ใยดี เป็นแบบนี้จะไม่ให้อายได้ยังไง
"จะไปได้ยังไงอันตราย"
"เดี๋ยวพ่อไปเป็นเพื่อน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ..พ่ออยู่เป็นเพื่อนแม่ดีกว่า แถวนี้ลูกเดินจนชินแล้วไม่อันตรายหรอก" ถ้าจะให้พ่อออกมาด้วยก็กลัวว่าแม่จะอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้
โชคดีที่เธอมีไฟฉายมาด้วย เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น ในการดำรงชีวิตที่นี่ หญิงสาวก็เลยค่อยๆ เดินเข้ามาในหมู่บ้าน เพราะไม่อยากไปรบกวนป้า และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงหัวค่ำ ถึงแม้ว่าตะวันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ถือว่ายังไม่ดึกเท่าไร
พอเดินมาใกล้จะถึงร้านค้า มิลานจำได้ดีว่าเคยเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น เธออดไม่ได้ที่จะมองไปตรงที่เขาเคยนั่ง ..และก็เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ
"ซื้อผ้าอนามัยค่ะ" มิลานต้องได้รีบเดินมาที่ร้านค้า โชคดีที่เขานั่งหันหลังให้ ..แต่เขามานั่งทำไมคนเดียวอยู่ตรงนั้น พอได้ผ้าอนามัยแล้วเธออดไม่ได้ที่จะมองไปอีกครั้ง
"น้ำมาแล้วค่ะ" ตั๊กแตนถือน้ำออกมาจากบ้านของเสกสรร จังหวะนั้นสายตาก็มองมาที่ร้านค้า "อุ๊ย"
เหนือตะวันรีบคว้าตั๊กแตนไว้ เพราะอยู่ดีๆ ก็สะดุดขาตัวเอง
"แตนเป็นอะไรไหม"
"พี่เหนือนั่นแหละเป็นอะไรไหมเปียกหมดเลย" ในขณะที่ถามสายตาของตั๊กแตนมองออกมาเพื่อดูว่าเธอคนนั้นยังอยู่ที่เดิมไหม
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก เปียกนิดเดียวเอง"
"ขอบคุณมากนะคะ ที่ไม่ปล่อยให้แตนล้มลงไป"
"เราเป็นคนซุ่มซ่ามตั้งแต่เมื่อไร" พอพูดถึงเรื่องซุ่มซ่ามเขาก็คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา และใบหน้านั้นก็มีรอยยิ้ม ซึ่งตั๊กแตนคิดว่า เขายิ้มให้กับตัวเธอ
"แล้วนี่ไอ้เสกกับจั๊กจั่นเมื่อไรมันจะกลับมากัน" ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันหน้ามามองด้านหลัง เพราะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของเสกสรรเลี้ยวเข้ามา "กูนึกว่ามึงจะไปทั้งคืน"
"เมื่อกี้กูตาฝาดหรือเปล่าวะ"
"ตาฝาดเรื่องอะไร" เขาถามแบบไม่ค่อยจริงจังนัก
"กูว่ากูเห็นเมียมึงเดินผ่านหน้ารถกูไปเมื่อกี้ แต่กูคงตาฝาดนั่นแหละ เมียมึงจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
"มึงเห็นที่ไหน??" คนร่างสูงรีบลุกขึ้นยืนแบบตกใจ
"ก็เลยหน้าบ้านกู..เอ้าา ไอ้นี่กูพูดยังไม่จบเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก