"หยุดเดี๋ยวนี้นะตะวัน นั่นลูกจะไปไหน!" ใบหน้าที่ยิ้มแก้มปริ่มแทบจะแตกของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นลูกชายเดินตรงไปที่ประตูทางออก
ทำไมเขาถึงจะไม่ได้ยินเสียงแม่เรียก แต่เขาเลือกที่จะไม่หยุด เพราะเขาไม่ได้เต็มใจที่จะให้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้น รักแม่ก็รัก แต่ไม่คิดว่าท่านจะข้ามเส้นความเป็นแม่แบบนี้ เพราะนี่มันคือชีวิตทั้งชีวิตของเขา ถึงแม้เป็นแม่เขาก็ไม่คิดจะให้มาก้าวก่าย
ชายหนุ่มตรงออกมาที่ลานจอดรถ..
"คุณรีบตามลูกไปสิคะ หรือไม่ก็โทรหยุดลูกไว้ ให้ลูกกลับมาแต่งงานให้เสร็จก่อน" พอประไพตามลูกชายไปไม่ทันก็รีบกลับมาหาผู้เป็นสามี
แต่พอกลับมาก็เห็นสามีนั่งจิบไวน์เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
"นี่คุณ! ฉันพูดอะไรคุณไม่ได้ยินเลยหรือไง! ถ้าลูกไปแบบนั้นแล้ว ใครจะเป็นเจ้าบ่าวล่ะ!!" นางเริ่มโมโหแต่ก็ไม่กล้าใช้เสียงแรง เพราะหน้าตาทางสังคมมันค้ำคออยู่
"จะไปยากอะไรถ้าไม่มีเจ้าบ่าวเดี๋ยวผมเป็นให้" รัฐมนตรีสำราญพูดออกมาเหมือนไม่สะทกสะท้าน พอพูดเสร็จก็หยิบไวน์ขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดแก้ว
"ทำไมคุณพูดแบบนี้ คุณคิดจะขายหน้าฉันในงานนี้อีกแล้วใช่ไหม!"
"อย่าลืมทำตามที่ตกลงกันไว้แล้วกัน" สำราญเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของภรรยาเลย ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ลูกชายยังอยู่ในงาน
"ทำตามที่ตกลงหมายความว่ายังไง"
"ก็คุณเป็นคนบอกมาเองไม่ใช่เหรอ ถ้าผมช่วยจัดงานแต่งและให้ลูกเข้ามาร่วมงานแต่งได้ คุณจะเซ็นต์ใบหย่าให้" และนี่แหละมันคือเหตุผลที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาหันหน้าเข้ามาคุยกันได้
"แต่นี่คุณไม่เห็นหรือไง ว่าลูกหนีไปแล้ว"
"นั่นมันนอกเหนือข้อตกลงของเรา"
"คุณสำราญ! ทำไมคุณไม่มีความเป็นพ่อเป็นผัวเลย!"
"แล้วคุณมีความเป็นแม่เป็นเมียไหมล่ะ?!"
เหนือตะวันใช้เวลาขับรถเพียงไม่นานก็มาถึงบ้านของเธอ แล้วรีบตรงเข้าไปในบ้านหลังนั้น ซึ่งตอนนี้มกราก็ยังรออยู่ที่นี่
"ไม่มีร่องรอยอะไรเลยเหรอ" คำแรกที่ถามเพื่อนรักเมื่อเห็นหน้า
"ไม่มีเลย"
"มึงเป็นนักสืบได้ยังไงทำไมถึงไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน"
"กูเป็นนักสืบนะไม่ใช่เทวดา"
ทั้งสองเริ่มค้นหาทุกอย่างอีกครั้ง ตอนนี้เขาเดาทางไม่ออกเลยว่าเธอจะพาครอบครัวไปที่ไหน
ค้นหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอเอกสารหรืออะไรที่จะบ่งบอกว่าเธอจะไปที่ไหน เขาก็เลยเดินถามตามบ้านของเพื่อนบ้านแถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครรู้ เพราะส่วนมากไม่ค่อยได้คุยกัน
"เป็นกูกูก็ไม่อยู่" มันคือคำพูดของเสกสรร เพราะตอนนี้เขาได้กลับมาตั้งหลักที่คอนโดของมกรา
พอถูกเพื่อนคะยั้นคะยอถามหนักเข้า เหนือตะวันก็เลยต้องได้เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง ว่าถูกพ่อกับแม่มัดมือชกเรื่องแต่งงาน
"คุณหญิงแม่มึงนี่ร้ายกาจขึ้นทุกวันเลยนะ" มกราพอจะรู้จักแม่ของเหนือตะวันอยู่บ้าง เพราะสมัยก่อนทั้งสองไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ
"เรื่องนั้นมันจบแล้ว แต่ตอนนี้พวกมึงช่วยกูคิดหน่อยสิว่าจะตามหาเธอได้จากที่ไหน"
ณ. พื้นที่ห่างไกลความเจริญ
"คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ" หญิงสาวแทบน้ำตาไหลเมื่อเห็นรถอีแต๊กแบบต่อพ่วงด้านหลังเพื่อไว้ขนของ ซึ่งมีลุงพงษ์เป็นคนขับมาจอดลงที่ศาลาตรงทีเธอกับครอบครัวรออยู่
"ไปไงมาไงล่ะเนี่ย" ที่ลุงพงษ์ออกมาก็เพราะมีคนไปส่งข่าว ..คนที่ไปส่งข่าวปั่นจักรยานผ่านมาพอดี และจำเธอได้ เพราะเคยไปช่วยลงแขกเกี่ยวข้าว
เธอก็เลยไหว้วานให้ชาวบ้านคนนั้นไปส่งข่าวกับลุง ..พอลุงรู้ก็รีบเอารถออกมารับ แต่ทั้งบ้านมีแค่รถคันนี้คันเดียว
"หนูไม่มีที่ไป" หญิงสาวเอ่ยพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป ..ที่เธอเลือกจะมาที่นี่ ส่วนหนึ่งคือไม่มีที่จะไปแล้ว แต่อีกส่วน เธอรู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก และคิดว่าเขาคงจะไม่กลับมา เพราะเขาคงจะแต่งงานกับคู่หมั้นและสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนนั้น
"แล้วนี่ใครล่ะ"
"ท่านนี่คือคุณพ่อของหนูเองค่ะ ส่วนนี่คือคุณแม่" มิลานแนะนำให้พวกท่านได้รู้จักกัน
พอทุกคนทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว ลุงพงษ์ก็เลยช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถ แล้วทุกคนก็หาที่นั่งที่เหมาะสม
"เกาะแน่นๆ นะ เดี๋ยวลุงจะพาซิ่งแล้ว"
พ่อกับแม่ของเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะพวกท่านไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
"คุณแม่ไหวไหมคะ"
"ไหวสิจ๊ะะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก