สยบรัก นิยาย บท 82

"ใคร??" หญิงสาวพยายามจะเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องเธอยังไม่เปิดไฟสักดวง

"กรี๊ด อืมมม!!!" จั๊กจั่นดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนในความมืด ตอนนี้รู้แล้วว่าคนคนนี้ต้องเป็นผู้ชายแน่ เพราะร่างกายที่กำยำและเรี่ยวแรงที่เหนือกว่า

ซึ่งตอนนี้มันขึ้นคร่อมร่างของเธอไว้ พร้อมกับปิดปากด้วยริมฝีปากของมันเอง แต่พอถูกจูบไปได้เพียงไม่นานก็สัมผัสได้ว่าเธอคุ้นเคยกับจูบนี้มาก หญิงสาวก็เลยหยุดดิ้น เพราะแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือใครกันแน่

เสียงสะอื้นได้ดังขึ้นในลำคอ พร้อมกับน้ำตาที่คลอออกมาจากเบ้า จนคนที่กำลังรังแกเธออยู่สัมผัสได้

"รู้จักกับมันนานหรือยัง ทำไมถึงกล้าไปกับมันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้" และเขาก็รู้เช่นกัน ว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

"ออกไป" เสียงสะอื้นยังคงมีให้ได้ยิน แต่เธอก็พยายามกลั้นมันไว้

"เห็นยืนร่ำลากันเป็นนานสองนาน คงโดนเสน่ห์มันเข้าไปให้แล้วล่ะสิ"

"ฉันบอกให้ออกไปจากห้องนี้"

"รู้ไหมว่าที่บ้านผู้ใหญ่ตามหากันให้วุ่น ตัวเองมาหลงระเริงกับไฟแสงสี"

เพี๊ยะ!! ถึงแม้จะมืดเธอก็รู้ดีว่าใบหน้าของเขาอยู่ตรงไหน

"ที่ฉันต้องได้ซมซานหนีออกจากบ้านมา เพราะใครล่ะ"

"ก็เห็นอยู่ดีกินดีนี่ ไม่น่าจะใช้คำว่าซมซานเลยนะ"

"หึ คุณยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมอีกนะ"

"นิสัยเดิมหมายความว่ายังไง"

"ก็นิสัยควายควายไง"

เสกสรรค์ได้ยินแค่นั้นก็โมโหมาก เขาปิดปากเธอใหม่อีกครั้งด้วยจูบ แถมครั้งนี้ไม่ได้จูบเบาๆ เหมือนครั้งแรก ชายหนุ่มบดขยี้จูบแบบหนักหน่วง

"อืมม!!" ทีแรกเธอก็ไม่ตกใจเท่าไร แต่พอมือของเขาล้ำเส้นล้วงขึ้นมาจนถึงด้านในของกางเกงชั้นใน

ถึงแม้ว่าเธอจะดิ้นรนต่อสู้ก็สู้แรงของเขาไม่ได้ ซึ่งเธอสวมใส่กระโปรงก็เลยไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร นิ้วแกร่งแหย่ผ่านริมขอบกางเกงชั้นในเข้าไปในร่องคับแคบ เพื่อสำรวจว่าไอ้นั่นมันได้รังแกเธอไหม แต่พอแน่ใจแล้วเขาก็ชักเอานิ้วออกมา แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยจูบ

ตุ๊บ! ตุ๊บ!! กำปั้นเล็กรัวเข้าที่แผ่นอกกว้าง จนชายหนุ่มยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

"ไอ้ลูกหมา!!" โมโหที่อยู่ดีๆ ก็มาล้วงเข้าไป เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นกับเธออีกแล้ว

"ถ้าวันหลังยังเห็นไปกับมันอีก จะไม่ทำแค่นิ้ว" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินผิวปากออกจากห้องไป

ตุ๊บ!! หมอนใบที่เธอใช้หนุนทุกคืนก็ได้ลอยตามหลังคนที่เพิ่งจะเดินพ้นประตู

และทันใดนั้นเขาก็จับมันโยนกลับมาให้ พร้อมกับปิดประตูไว้

"!!!!!!" จั๊กจั่นโมโหจนไม่รู้จะโมโหยังไง ทีแรกว่าจะไม่อาบน้ำ ตอนนี้ต้องได้รีบไปล้าง เพราะถูกนิ้วของเขาล้วงเข้าไปลึกขนาดนั้น

เช้าวันต่อมา..

"ฉันไปเอง" จั๊กจั่นซึ่งอยู่ในชุดทำงานพอเดินออกมาที่รถก็เจอว่ามีอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

"พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าไอ้เสกมาพักที่บ้านเราด้วย" คนที่พูดก็คือเหนือตะวัน เพราะทั้งสองจบกันแบบไม่สวย เขาคิดว่าคงจะมีการขุ่นเคืองใจกันอยู่บ้าง

"พี่เหนือไปเถอะ ฉันอยากจะลองนั่งรถโดยสารไปเอง" ว่าแล้วจั๊กจั่นก็เดินออกมาจากบ้าน

"วันหลังพี่จะให้คนขับรถไปส่ง วันนี้คุณแม่ใช้รถ..ขึ้นมาก่อน" เหนือตะวันยังขับรถตามหลังมา เพราะกลัวว่าถ้าแม่รู้เขาโดนเล่นงานแน่

"จอดด้วยค่ะ" แท็กซี่ขับผ่านมาพอดี เพราะไปส่งคนที่อยู่ในซอยนั้น พอแท็กซี่จอดให้จั๊กจั่นก็รีบขึ้น

"เอากับเด็กคนนี้สิใจแข็งเป็นบ้า" เหนือตะวันก็เลยได้ขับรถตามหลังแท็กซี่คันนั้นมา เพราะกลัวว่าเธอจะจำทางไปบริษัทไม่ได้

"ทำไมมึงเงียบจังเลยวะ เหมือนไม่ใช่มึง" เขาถามเพื่อนที่นั่งมาด้วยแบบสงสัย อีกนิดเดียวคงจะหลอนแล้ว

"ถ้ากูพูดมึงก็ว่ากูพูดมาก"

"เออดีถ้างั้นมึงก็เงียบอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว"

ที่เสกสรรเงียบก็เพราะมัวแต่มองแท็กซี่คันข้างหน้า กลัวว่าจะคลาดสายตา

รถแท็กซี่ได้เข้ามาจอดที่บริษัท พร้อมกับรถคันหรูของผู้บริหาร

"พี่เหนือ" ลงรถได้จั๊กจั่นก็เดินตรงมาที่รถของเหนือตะวัน

"มีอะไร"

"แท็กซี่ไม่มีเงินทอน ยืมสองร้อยสิ" จั๊กจั่นเอาแบงค์พันให้แต่มันเช้าเกินเขายังไม่มีเงินทอน

"พี่ก็มีแต่แบงค์พัน เอาให้เขาไปเถอะไม่ต้องทอนหรอก"

"ค่าแท็กซี่เท่าไรครับ" ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินเข้าไปถามแท็กซี่

"สองร้อยบาทครับ"

ผู้ชายคนนั้นก็ล้วงเอาเงินในกระเป๋าออกมาจ่าย

"ขอบคุณมากนะคะคุณเกม"

ที่จริงเสกสรรก็กำลังล้วงเงินเหมือนกันแต่ไม่ทันเกม เขาก็เลยรีบเก็บมันเข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าไปด้านในก่อน เพราะกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

เหนือตะวันก็แอบสังเกตทั้งสองอยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม คนที่เพ้อรำพันอยากจะตายนักอยากจะตายหนาเมื่อถูกผู้หญิงตามติด แต่พอได้ตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วทำไมต้องดิ้นเหมือนจะเป็นจะตายเมื่อเขาไม่สนใจแล้ว

ห้องประชุมใหญ่..

"โปรเจคของใครเหรอครับ" เหนือตะวันประธานในที่ประชุมถามขึ้นเมื่อเห็นหลายคนยกยอว่าทำออกมาได้ดีมาก ก็เลยอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนคิดไอเดียโปรเจคนี้

"ของแผนกที่ชั้นสามครับ" คนที่ตอบก็คือผู้จัดการใหญ่

"ชั้นที่นายรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ" เขาหันมาถามเสกสรรบ้าง

"อืม"

"ว่าแต่ใครเป็นคนคิด" ภูธรเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็น่าสนใจมาก

"คงจะเป็นหัวหน้าแผนกมั้งคับ" ผู้จัดการใหญ่เป็นคนตอบอีกครั้ง

"ช่วยไปตามหัวหน้าแผนกมาหาผมหน่อยนะ" หลังประชุมเสร็จภูธรก็เลยให้คนไปตามคนที่คิดโปรเจคนี้ออกมา

ก๊อก ก๊อก

"เข้ามาครับ"

"ตามผมมามีอะไรให้ช่วยครับ"

"ผมอยากจะถามเรื่องโปรเจคของแผนกคุณ"

"เออ..ใช่ครับ" พอเกมเห็นเอกสารนั้นก็รู้ได้ในทันที

"คุณเป็นคนคิดหรือลูกน้องในแผนก"

"ผะ..ผมเองครับ" ในเมื่อหาคนทำไม่ได้ ถ้าเขาจะรับว่าตัวเองคิดผลงานนี้ขึ้นมาจะเป็นไรไป เพราะดูแล้วผลงานชิ้นนี้เข้าตากรรมการมาก

..ชั้นสาม..

"ไม่คิดว่านายจะเก่งเยี่ยงนี้" เพื่อนๆ หัวหน้าด้วยกันต่างก็ปรบมือให้ เพราะเป็นหน้าเป็นตาของชั้นนี้มาก ที่ถูกกล่าวถึงในที่ประชุม

"คุณเกมคะผู้จัดการให้ขึ้นไปพบค่ะ" แต่ทันใดนั้นเลขาของผู้จัดการก็ลงมาตาม

"สงสัยจะได้โบนัสเพิ่มหรือเปล่า" เพื่อนๆ ต่างก็ลุ้นว่าผู้จัดการตามขึ้นไปทำไม

"มันเป็นโปรเจคของคุณแน่ใช่ไหม" เพราะถ้าใครคิดงานขึ้นมาได้ ตามแบบที่กรรมการบริหารเห็นชอบ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม ซึ่งตัวเงินไม่ใช่น้อยๆ

"ครับ" ยังไงเขาก็ได้มาถึงขั้นนี้แล้วก็เลยต้องได้ตอบออกไปเสียงแข็ง

"แต่มีคนบอกมาว่าเขาเป็นคนทำ"

"ใครครับ"

"ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นใคร แต่ถ้าคุณคิดว่าเป็นฝีมือของคุณจริงๆ ผมจะให้พวกคุณทั้งสองลองทำโปรเจคนี้ขึ้นมา"

มันเป็นใครกันแน่วะ อย่าให้กูรู้นะ ไม่งั้นมึงจบไม่สวยเหมือน...แน่!

เกมกลับลงมาที่ชั้นสามอีกครั้ง กลับลงมาคราวนี้ดวงตาของเขากรอกมองไปทั่ว เพราะอยากจะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร

พอเห็นเป้าหมายที่เขาสงสัย เขาก็ตรงเข้าไปหา

"คุณจั๊กจั่นครับ"

"อุ๊ย..คะ" หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ และเธอก็พยายามออกห่างจากเกม ไม่อยากให้เรื่องเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นกับตัวเธออีก

"ดูคุณจะตกใจนะครับ" ผู้ต้องสงสัยคนแรกมีพิรุธออกมาให้เห็นเด่นชัดมาก รวมทั้งวันนั้นเธอก็อยู่กับเขาด้วย ..แต่ก็ยังมีอีกความคิดหนึ่ง เพราะว่าเธอจะเอาเวลาไหนมาแยกทำงานอีกโปรเจคหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก