ตำนานฉือฮั่ว นิยาย บท 22

“อะไรใครกันจะไม่ยอม” (ตึ๊ง)เสียงไม้เท้ากระทบพื้น  เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ใช่ใครท่านย่านี่เองสงสัยจะได้ยินเสียงแหกปากร้องของหลานสาวตนเองถึงได้เดินมาถึงเรือนและได้ยินคำที่นางพูดทุกคำ หากจะบอกว่าหลานสาวผู้นี้ของตนโดนพ่อตามใจเพราะเกิดจากอนุคนโปรด การเอาแต่ใจ ต้องการในสิ่งที่ตนเองอยากได้อยากมี นั่นคงเป็นเพราะการเลี้ยงดูแบบผิดๆของแม่เป็นแม่อย่างอนุหลีผู้นั้น

 

“เจ้าจะแหกปากเรียกใครกันรึเจ้าสี่ ไหนบอกย่าอย่างข้าหน่อยสิ"  ด้วยตนเองเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของเรือนนางเองนั้นสามารถจัดการลงโทษ หรือ อนุญาตสิ่งต่างๆได้และทุกการกระทำของหลานอย่างเจ้าหกนั้นก็อยู่ในสายตาของตนเองทั้งสิ้น หากเรื่องทุกอย่างตนเองไม่อนุญาตมีหรือเจ้าหกเดินเข้าออกสั่งของเข้าจวนเป็นว่าเล่น เพราะซ่งโหว ถึงแม้จะตัดสินใจเอง แต่ภายหลังกลับมาบอกกล่าวผู้เป็นมารดาผู้นี้ให้ช่วยคิด เรื่องต่างๆนาๆผู้อยู่หลังความสำเร็จทุกๆอย่างของลูกชายคือแม่ของซ่งโหวผู้นี้นั่นเอง

 

“…” จิ่วหลินคุณหนูสี่

 

“เหตุใดเอาแต่เงียบเล่า ข้ากำลังถามอจ้าอยู่นะบอกแจ้งแก่ข้าสิว่าตัวของเจ้าต้องการอะไรถึงได้ส่งเสียงร้องเช่นนี้ หาได้มีความเป็นกุลสตรีไม่ ข้าไม่นึกเลยจริงๆหลีอี๋เหนียงนางนั้นช่างเลี้ยงลูกได้งามหน้านัก” ท่านย่าเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ ฉือฮั่วได้แต่เลิกคิ้วขึ้นมองผู้เป็นย่า 

 

“ข้าไม่อยากให้น้องหกทำการค้าเจ้าค่ะ”  คุณหนูสี่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม และบอกสิ่งที่นางต้องการ

 

“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้น้องคิดทำการค้า ไหนลองบอกเหตุผลมาสิเอามาสักสองข้อให้ข้าฟัง และถ้ามันมีเหตุผลพอข้าจะยกเลิกพวกนี้ทันที”  ท่านย่าถามไถ่ถึงเหตุผลจากหลานสาวผู้พี่ แต่ผู้น้องนี่สิ (อารายกันทำมาขนาดนี้แล้วจะมายกเลิกเพราะอีพี่ผีเจาะปากเช่นนี้ไม่ได้นะ) นางหันไปมองท่านย่าทันที คำถามเกิดขึ้นในใจอีกทั้งกกด่าอีพี่สี่ของตน (ตัวขัดโชคลาภ) ส่งสายตาจ้องกินเลือดให้พี่สี่ที่นั่งก้มหน้าอยู่

 

“…”

 

“อ้าว…ว่าไงเจ้าสี่บอกมาสิ”

 

“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ ข้าแค่ไม่อยากให้น้องหกดีเกินหน้าเกินตาข้าเท่านั้น อ้อ (นางนึกเรื่องขึ้นมาได้เงยหน้าตอบแบบจริงจัง) ใช่หากน้องทำการค้า เรือนอื่นจะมองตระกูลเราเช่นไรเจ้าค่ะ หากข้าแต่งงานออกเรือนไปจะมิถูกเย้ยหยันหรอกหรือ”

 

“ทั้งหมดคือสองข้อของเจ้า” ท่านย่ายังคงมองหน้าหลานสาวคนนี้อยู่ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้รู้กันว่า (ใช่แล้วนั่นคือสองข้อของข้า) 

 

“เจ้าหก เจ้าลองบอกย่าสิว่าทำไมถึงอยากทำการค้านี่นัก หากฝั่งไหนเหตุและผลสมควรกว่าข้าผู้เป็นย่าผู้นี้จะทำตามและอนุญาตฝั่นนั้น ฉะนั้นเจ้าหกจงตรองคำพูดให้ดี”

 

“ข้าฉือฮั่วขอบคุณท่านย่าที่เมตตา ที่ข้าคิดทำการค้านี้แรกเริ่มคือข้าต้องการช่วยท่านแม่หาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น มิต้องเอาสินเดิมมาเที่ยวจ่าออกไป เพราะเรื่องที่เรือนของข้าถูกฉ้อโกงไม่จ่ายรายเดือนนั้นทั้งท่านพ่อ ท่านย่าและฮูหยินได้ตรวจสอบแล้วว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเรือนของข้ามิได้โกหกแต่อย่างใด ข้าทำการค้าหาได้เกี่ยวกับพี่น้องไม่ หากพวกพี่ๆทั้งหลายออกเรือน การบัญชีที่เมื่อแต่งออกไปแล้วมันก็ต้องดูให้เป็นทำให้ถูก เรือนฝ่ายชายมิอาจนำข้อนี้มาแย้งได้ เพราะข้าสามารถดูแลบัญชีห้างร้านของข้าเป็นอย่างดี เห็นก็แต่พวกที่ริษยาอยากทำเช่นข้าแต่ความสามารถมีไม่พอคิดอยากจะเอาเรื่องพวกนี้มาเล่นงานไม่ให้พี่น้องของข้าได้แต่งออกอย่างสมเกียรติเรื่องนี้คงต้องปล่อยไปให้เป็นไปตามที่พวกนั้นพูดกันแต่ข้าฉือฮั่วผู้นี้จะทำให้คนพวกนั้นได้เห็นเองว่าการทำอะไรบางอย่างหาได้เกี่ยวข้องกับสกุลไม่ เป็นเพียงสันดานของผู้ริษยาเพียงเท่านั้น และนี่คือเหตุผลของข้าที่จะทำการค้าต่อไป” 

               

                  ฉือฮั่วคารวะท่านย่าและท่านพ่อเมื่อกล่าวจบ เชิดหน้าตรงๆไม่สนใจพี่ที่เอาแต่ริษยาผู้อื่นจะได้ดีกว่าตน แค่เรื่องนี้ นางเห็นได้ว่ากินขาด เพราะหลีอี๋เหนียงป่านนี้ยังอยู่สำนึกผิดที่ห้องบรรพชนอยู่เลยไฉนเลยจะมาช่วยลูกสาวได้ ชนะใสๆหึหึ อีพวกเบาปัญญาเช่นนี้ต้องเจอข้าผู้นี้ 

 

“เอาล่ะชัดไหมเจ้าสี่ ที่น้องพูดมาต้นเหตุต่างๆทั้งหมดเพราะการขาดการดูแลที่ดีจากแม่ของเจ้าน้องเลยคิดจะทำสิ่งนี้ เรื่องนี้ย่าเห็นสมควร ส่วนเรื่องผู้คนจะมอง ให้มันมองไป การจัดการเรือนมันคือพื้นฐานของสตรี อีกหน่อยพวกเจ้าต้องได้เรียนรู้ อีกอย่างเจ้าไม่ต้องรีบอยากแต่งออกไปถึงเพียงนั้น กว่าเจ้าจะปักปิ่นอีกนานโข และย่าเองไม่รีบให้เจ้าแต่งออกไปย่าต้องการส่งเสริมให้เจ้าสี่เจ้าห้าและเจ้าหกเรียนรู้หลักสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม คุณสมบัติพื้นฐานเจ้าเองยังไม่พร้อม ต่อไปอย่าริอ่านกล่าวออกมาพล่อยๆอีกเข้าใจหรือไม่ (ตึ๊ง) "

 

“เจ้าค่ะหลานจดจำไว้แล้ว/เจ้าค่ะหลานจดจำไว้แล้ว

 

“อีกอย่างเจ้าสี่ การที่เจ้าเที่ยวอาละวาดเที่ยวปาข้าวของ เจ้าคิดหรือว่าเรือนโหวจะมีของมีเงินให้เจ้าเอาแต่ใจทำร้ายข้าวของเสียหายถึงเพียงนี้ หึ พื้นฐานง่ายๆยังมิผู้ความ เอาแต่ริษยาน้อง เห้อ!!!ซ่งโหวนี่คือลูกของเจ้าที่เจ้าเที่ยวตามใจนาง เป็นเช่นไรล่ะจะให้ข้าลงโทษเลยไหมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้านางช่าง……!!”

 

“ท่านแม่ขอรับ นางช่างอะไรหรือ”

 

“หึ เจ้าอยากรู้งั้นสิ (ถามลูกชายตัวดี เมื่อเห็นซ่งโหวพยักหน้ารับเฒ่าฮูหยินถึงได้ตัดสินใจพูดต้อ) นางช่างโง่เขลาเบาปัญญาอย่างเมียเจ้าหน่ะสิจะอะไร”

 

“เอาล่ะเจ้าสี่ ต่อไปนี้คือบทลงโทษของเจ้า ในเมื่อเจ้ายังไม่ชัดแจ้งความรู้พื้นฐานที่ควรมี ในเมื่อฮูหยินใหญ่แม่สั่งทำโทษแล้วเจ้ายังไม่เข็ด เจ้าจงคัดสี่คุณธรรมสามคล้อยตามให้ย่าผู้นี้เถอะ สามพันจบ ในช่วงเจ็ดวันนี้ เจ้าควรอยู่ตั้งใจคัดให้ดี จะมิได้รู้เรื่องอื่นๆให้หมองใจ เอาล่ะทุกคนแยกย้าย”

 

               คำสั่งของท่านย่าทำให้พวกบ่าวไพร่สอดรู้ถึงรีบออกจากสถานที่กลับออกไปทันทีเพื่อเอาไปเล่าให้นายของตัวเองฟังเรื่องที่เกิดขึ้น

“ท่านย่า แล้วทำไมข้าโดนโทษคนเดียวเจ้าค่ะ น้องหกน่าจะโดนด้วย”

 

“เจ้านี่ยังคิดเช่นนี้อยู่หรือ”

 

“ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น น้องหกเดินเข้ามาที่เรือนข้าโดยที่ข้าไม่ยินยอม และยังพวกคำพูดพวกนั้นอีกที่โต้เถียงกับข้า  มันไม่ควรเรื่องนี้ท่านย่าเองคงจะลงโทษนางได้”

 

“ท่านพี่สี่ ข้านั้นเดิมทีคิดกลับเรือนเองแล้ว เพราะเดินเข้าเรือนพบท่านพ่อพอดี แต่ได้ยินเสียงของท่านเสียก่อนด้วยความห่วงใยข้าขอท่านพ่อตามไปดูท่าน หากเป็นเรื่องนี้ทำให้ท่านไม่พอใจข้าขออภัย(คารวะขอโทษ)เจ้าค่ะ และข้าฉือฮั่วผู้นี้ในวัยข้างหน้าหากมีเรื่องใดๆเกิดขึ้นข้าจะอยู่แต่หน้าเรือนไม่ขอเข้ามาในเรือนอีก หวังว่าท่านพี่สี่ของข้าจะอภัยข้าด้วย”

 

“หึ ข้าต้องการให้ท่านย่าลงโทษเจ้า”

 

“เจ้าสี่เหตุใดจึงไม่รู้ความเช่นนี้ หากข้าทำโทษน้องเจ้าในเรื่องนี้ พ่อของเจ้าที่อนุญาตข้าต้องทำโทษด้วยหรือไม่ เหตุใดปัญญาช่างเลอะเลือนได้ขนาดนี้” (ย่าสบัดแขนเสื้อหันหลัง) “กลับเรือนแต่ล่ะเรือนแยกย้ายได้แล้ว”

 

              ท่านย่าสั่งสอนทุกอย่างไม่เข้าหูของหลานผู้นี้แต่อย่างใด ถึงแม้จะให้คัดตำราพวกนั้นเป็นการแก้นิสัย หากไม่รู้หลานคนนี้หาได้คิดเป็นไม่ สงสารหลานนักมีพ่อเลอะเลือนคอยตามใจประเคนให้ทุกสิ่งอย่างจนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจเห็นสิ่งใดจักต้องได้จนเสียนิสัย

 

“ลูกข้าเจ้าต้องคุมคนของเจ้าให้ดี หลินเออร์เริ่มโตความเอาแต่ใจของนางมีมาก หากเจ้าไม่เคี่ยวนางแล้วภายหลังนางจะควบคุมยาก เห้อเวรกรรมอันใดของข้าหนอ”

               เมื่อฉือฮั่วเข้าเรือนของตัวเอง ถึงกับต้องทิ้งร่างลงบนที่นอน (เพลีย)คำนี้จัดได้อย่างถูกต้อง (หึ พี่สาวของข้าบ้าไปแล้ว อยากหาเรื่องข้าเข้าตัวเองทุกที ช่างโง่เขลานัก นางควรไปฝึกมาใหม่นะ) คิดคนเดียว ยิ้มอยู่คนเดียวในห้องคิดไม่ถึงจริงๆแค่อีกฝ่ายพักไปแล้วถึงสองคน ยังยังคงเหลือฮูหยินใหญ่ หากนางอยู่ในส่วนของนางข้าจะไม่ยุ่งแต่อย่าได้หมายมาล้ำเส้นถึงแม่ข้ากับข้าก็พอ

 

“คุณหนูนอนยิ้มอะไรคนเดียวเจ้าค่ะ”  หลันฮวาเอ่ยออกมานางกำลังมาตามคุณหนูของตนไปอาบน้ำ

 

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เตรียมน้ำเสร็จแล้วหรือพี่หลันฮวา”  เดินเข้าไปถอดผ้าจากนั้นลงอ่างน้ำร้อนที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ ทดลองใช้สบู่ก่อน (กลิ่นออกมาดีมาก) นางนำสบู่ขึ้นมาดมจากนั้นถูไปที่ร่างกาย แขนขา ทุกส่วน เมื่อล้างคราบสบู่เรียบร้อยเอามือขึ้นมาดมอีกครั้งกลิ่นยังติดดีอยู่ หลังจากนั้นนำผ้าซับน้ำออกจากตัวเปลี่ยนชุดนอน ต้องมีแชมพู และครีมนวด หากได้โรงงานเมื่อไหร่ทุกอย่างจะค่อยดีขึ้น 

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว