หลิ่วหมิงผู้หนีรอดจากเงื้อมมือมารของปรมาจารย์โลหิตชั่วคราวไม่ได้กลับไปยังสนามรบด้านล่างสุด แต่ฉวยช่องว่างครั้งนี้เหาะสูงขึ้นไปด้านบนอย่างไม่ลังเล
ตรงนั้นก็คือทางเชื่อมมิติที่ราชินีหนอนผีเสื้ออยู่!
ยามนี้สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว สถานที่ซึ่งดูเหมือนอันตรายที่สุดถึงจะมีโอกาสรอดที่สุด ถึงอย่างไรสถานการณ์ตอนนี้ผู้ที่สามารถขัดขวางปรมาจารย์โลหิตได้ก็มีเพียงผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านั้นเท่านั้น
ด้วยความเร็วที่ต่างกันระหว่างทั้งสองคน เขาอาจจะฝืนไปไม่ถึงที่นั่น
ดังนั้นเมื่อหลิ่วหมิงได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยมาจากด้านหลังอีกครั้ง เขาจึงกระพือปีกสองข้างอย่างไม่พูดพร่ำ มังกรหมอกสีดำหกตัวก่อตัวจากบนแผ่นหลังแล้วร้องคำรามพุ่งโถมลงไปเบื้องล่าง ทว่าพวกมันกลับหายเข้าไปในทะเลโลหิตอันคลุ้มคลั่งในบัดดลประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในทะเล แม้แต่คลื่นกระเพื่อมสักน้อยก็ไม่ปรากฏ
แปดร้อยจั้ง ห้าร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง…
ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายหดลงเรื่อยๆ หลิ่วหมิงกัดฟันกรอดแล้วเร่งเคล็ดวิชาทันที ลำแสงสีเหลืองสองสายส่องสว่างวูบ มุกบรรพตธาราสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองเม็ดถูกเรียกออกมาจนหมด พวกมันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศก่อนจะหยุดนิ่งแล้วกลายเป็นยอดเขาน้อยสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองลูก
ภูเขาน้อยสิบสองลูกส่งเสียงครวญอื้ออึงอยู่กลางท้องฟ้าแล้วประสานร่างเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็ว กลายเป็นภูเขายักษ์สูงค้ำฟ้าร้อยกว่าจั้งลูกหนึ่ง แลดูทรงพลังน่าตะลึงยิ่งนัก!
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าความจริงเจ้าหนูเช่นเจ้าหลอมมุกบรรพตธาราทั้งชุดทั้งหมดสิบสองเม็ดสำเร็จแล้ว ดี ดียิ่ง!” ปรมาจารย์โลหิตเห็นมุกบรรพตธาราก็ไม่ตกใจแต่กลับยินดี
จากนั้นสองมือของเขาพลันเปลี่ยนผันประหนึ่งกงล้อ ทะเลโลหิตอันเชี่ยวกรากรอบด้านปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่งก็รวมตัวกลางฝ่ามือแล้วพุ่งไปเบื้องหน้า
ประกายโลหิตสะท้อนแสง กระบี่โลหิตน่าหวาดหวั่นยาวหลายร้อยจั้งเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้น จากนั้นส่งเสียงดังฟึบฟันเข้าใส่มุกบรรพตธารา เร็วจนตามองไม่ทัน!
หลิ่วหมิงตกตะลึง เขาจี้ดรรชนีเข้าใส่ภูเขายักษ์ค้ำฟ้าสูงร้อยจั้งอย่างต่อเนื่อง แม่น้ำยาวสีดำอันกว้างขวางและเชี่ยวกรากสายหนึ่งฉับพลันปรากฏล้อมภูเขายักษ์ทั้งลูกไว้ตรงกลาง เขาคิดจะรับหนึ่งกระบี่ของปรมาจารย์โลหิตโดยตรง
ทว่ายังไม่ทันที่กระบี่ยักษ์สีเลือดจะสัมผัสถูกภูเขายักษ์สูงค้ำฟ้า ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีเลือดข้างหนึ่งอย่างผิดคาดแล้วกำภูเขายักษ์ไว้กลางฝ่ามือ
อึดใจต่อมาผิวของมือยักษ์สีเลือดก็มีหมอกโลหิตชั้นแล้วชั้นเล่าลอยออกมาจนแทบจะกลืนภูเขายักษ์ทั้งลูกหายเข้าไป
หลิ่วหมิงหน้าถอดสีทันที!
เขาสัมผัสถึงแรงดึงรั้งอันแข็งแกร่งที่พยายามจะดึงมุกบรรพตธาราไปอย่างชัดเจน สายสัมพันธ์ระหว่างตนกับมุกบรรพตธาราอ่อนแอลงทุกขณะ
เวลานี้เขาเพิ่งตระหนักว่าแท้จริงแล้วปรมาจารย์โลหิตมีเป้าหมายอยู่ที่มุกบรรพตธารา ตนเองนำมุกบรรพตธาราออกมาใช้ ไยมิใช่ส่งเนื้อเข้าปากเสือ
หากการสละมุกบรรพตธาราทำให้เขาเลิกไล่สังหารตนได้ก็ช่างเถิด แต่ด้วยนิสัยดุร้ายของปรมาจารย์โลหิต หลังจากได้สมบัติชิ้นนี้ไปคงมีแต่จะลงมืออย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง
ถึงเวลานั้นเขาไม่มีอาวุธเวทเช่นมุกบรรพตธาราปกป้องแล้ว เกรงว่าแม้แต่การโจมตีครั้งเดียวก็คงทนรับไม่ไหว
ในตอนนี้เองเสียงของเซียเอ๋อร์ก็ดังออกมาจากในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวหลิ่วหมิง
“นายท่าน ข้าควบคุมพลังแห่งผืนปฐพีและขุนเขาศิลาได้ พอจะควบคุมมุกบรรพตธาราได้อยู่บ้าง บางทีอาจช่วยนายท่านแย่งภูเขาลูกนี้กลับมาได้”
หลิ่วหมิงได้ยินพลันยินดียิ่ง เขาไม่พูดพร่ำตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวครั้งหนึ่ง ปราณสีดำสายหนึ่งลอยออกมาจำแลงร่างเป็นหญิงสาวสวมอาภรณ์ตาข่ายสีดำผู้หนึ่ง
ต่อจากนั้นเขาจึงท่องมนตร์ ยันต์สีดำตัวแล้วตัวเล่าลอยออกมาจากปากมุดเข้าไปในหมอกโลหิตทันที
ส่วนเซียเอ๋อร์ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์ ม่านแสงสีเหลืองเข้มโปร่งใสชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นทั่วร่าง จากนั้นมือข้างหนึ่งพลันชี้ขึ้นฟ้า
“ทลาย”
หมอกโลหิตเบื้องล่างเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ต่อจากนั้นคลื่นน้ำสีดำวงแล้ววงเล่าพลันกระเพื่อมเป็นระลอกออกมาจากด้านใน หลังจากเกิดเสียงดัง “บึ๊ม” ครั้งหนึ่ง ภูเขายักษ์ค้ำฟ้าลูกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากหมอกโลหิตแล้วเหาะตรงไปยังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
ปรมาจารย์โลหิตที่เดิมทีบังคับเคล็ดวิชาอยู่เห็นสถานการณืเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาเร่งเคล็ดวิชาที่มือ หมอกโลหิตพลุ่งพล่านฉับพลันกลายเป็นอรพิษตัวยาวสีเลือดตัวหนึ่งพาแสงสีโลหิตถาโถมตามมาโอบรัดภูเขายักษ์
“เก็บ”
หลิ่วหมิงในเวลานี้ไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย เขาเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่มือทันที ทันใดนั้นภูเขายักษ์ค้ำฟ้าพลันกลายเป็นมุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองเม็ดพุ่งเร็วจี๋กลับมา
ยามนี้ผิวของมุกบรรพตธาราถูกเส้นสีเลือดจางๆ เลื้อยพันอยู่ พลังจิตวิญญาณเสียหายอย่างเห็นได้ชัด จำเป็นต้องบำรุงให้ดีจึงจะฟื้นคืนสภาพเดิม
หลิ่วหมิงไม่มีเวลาตรวจสอบมากมาย แสงสีเงินบนแผ่นหลังส่องสว่างวูบหนึ่ง เขาก็กลายเป็นลำแสงสีเงินขนาบม่วงเส้นหนึ่งขี่กระบี่เหาะหนีไปด้านบนอีกครั้ง
เมื่อเห็นมุกบรรพตธาราที่กำลังจะตกอยู่ในมือถูกหลิ่วหมิงแย่งกลับไปอีกครั้ง ปรมาจารย์โลหิตพลันหน้าถมึงทึง แสงสีเลือดสว่างวาบบนแผ่นหลัง ใต้เท้ามีเมฆสีเลือดถาโถมออกมาแล้วเพิ่มความเร็วกลางอากาศกลายเป็นสายฟ้าสีเลือดเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าในทันใด
เซียเอ๋อร์เห็นเช่นนี้จึงบิดร่าง เงาหางแมลงป่องหนาสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งด้านหลังกวาดเข้าใส่
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง หางแมงป่องขนาดยักษ์กอบเศษหินฝุ่นทรายกองโตขึ้นมาสาดกลบสายฟ้าสีเลือดอย่างรุนแรง
ปรมาจารย์โลหิตหัวเราะเสียงประหลาด ทว่าขณะที่เขาจะลงมือ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
ทางเชื่อมมิติที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าฉับพลันเกิดเสียงดังกึกก้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง ขายักษ์สีขาวผ่องประหนึ่งหยกของราชินีหนอนผีเสื้อพร่าเลือนวูบหนึ่ง จากนั้นเสียงแหวกอากาศนับไม่ถ้วนก็ดังหวีดหวิวใกล้กับลำตัวที่โผล่ออกมาเกือบครึ่งของมัน
เสียงพายุอสนีบาตดังสนั่นสะเทือนแก้วหูแทบดับ!
อากาศสั่นไหวพร่ามัวครู่หนึ่ง คมดาบสายลมขนาดยักษ์ยาวสิบกว่าจั้งหลายร้อยเส้นก็ปรากฏขึ้นแล้วซัดไปรอบด้าน ทิ้งรอยกรีดสีขาวเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าไว้บนท้องฟ้า!
เผ่ามนุษย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดรวมไปถึงเลี่ยเจวี๋ยเทียน มู่เชียนอิ่งและอู่เจียงเย่ว์ผู้ฝึกฝนฝ่ายอธรรมสามคนล้วนหน้าถอดสีพากันเรียกอาวุธเวทออกมาป้องกันตัวแล้วแยกย้ายไปรอบด้าน
การโจมตีของระดับอมตะ จะมองเฉยได้เช่นไร!
ชั่วขณะหนึ่งทุกหนทุกแห่งที่สายตามองเห็นล้วนมีแต่ประกายวิบวับจากแสงจิตวิญญาณและลมปราณมากมาย เสียงระเบิดหลากรูปแบบดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุดหย่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา