พอได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอก็อดไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมองบริเวณไหล่เขานิมิตเมฆซึ่งมีกลุ่มควันและแสงสว่างของไฟที่ส่องสว่างวับวาบครู่หนึ่ง
ที่แห่งนั้นก็คือตำแหน่งที่ตั้งของตาน้ำพุเมฆหยินหยาง พื้นที่หยินเดี่ยวหยางเดี่ยวนั่นเอง
ไร่สมุนไพรวิญญาณที่พรรคสายรุ้งสีชาดเช่าเพื่อนำมาเพาะปลูกสมุนไพรวิเศษก็อยู่ที่นั่น
บ่าวรับใช้ผู้นั้นกล่าวอย่างรีบเร่งว่า “องค์ชายสี่กับแม่นางจิ่งต่างก็อยู่บนเขา คนของเขาไร้พรมแดนวางเพลิงเผาไร่สมุนไพรของพรรคสายรุ้งสีชาดแล้ว องค์ชายเองก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่ เริ่มลงมือกับพวกเขาแล้วเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอกุมหน้าผาก นิสัยของเขาแตกต่างกับจ้าวหยวน จ้าวเฉิง จ้าวหมิงและคนอื่นๆ ที่จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างอารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่น
อีกฝ่ายเผาไร่สมุนไพรวิญญาณของตระกูลจิ่งอวิ๋นจือ แน่นอนว่าจ้าวหมิงโกรธจนอดรนทนไม่ไหว และไม่สนใจว่าจริงๆ แล้วบัดนี้ตนเองอยู่ในเขตอิทธิพลของเขาไร้พรมแดน
“เหตุใดคนของเขาไร้พรมแดนถึงเผาไร่สมุนไพรของพรรคสายรุ้งสีชาด” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
บ่าวรับใช้ผู้นั้นลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงกล่าวตอบตามความจริง “คนของพรรคโลหะเอก ขุมกำลังขนาดกลางแห่งหนึ่งภายใต้การปกครองของผืนภูผาขาไร้พรมแดน ยึดครองที่ดินใกล้ๆ พื้นที่ทำกินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง”
“เจ้าของพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่ยินยอม ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกันอย่างรุนแรง ในระหว่างการปะทะนั้น บุตรชายของเจ้าของพื้นที่นั้นทำร้ายคนของพรรคโลหะเอกเข้า อีกฝ่ายจึงทำลายพื้นที่ขนาดใหญ่นั้น ต้องการจะสังหารคนระบายความแค้น”
“แม่นางจิ่งผ่านไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ นางเคยเป็นแขกอยู่ที่นั่น อีกทั้งยังเป็นสหายเก่ากับเจ้าของพื้นที่คนหนึ่ง หลังจากรับรู้เรื่องราวก็เร่งรีบไปช่วยคนผู้นั้นออกมา”
“ผลคือประมุขพรรคโลหะเอกผู้นั้น กลับคุ้นเคยกับศิษย์คนหนึ่งของเขาไร้พรมแดนในพื้นที่นี้ จึงเดินทางมาช่วยเหลือในตอนที่คับขัน ต้องการจะผูกมิตรกับพรรคสายรุ้งสีชาด”
“องค์ชายสี่และแม่นางจิ่งไม่เต็มใจจะผูกมิตร อีกฝ่ายจึงเผาไร่สมุนไพรทิ้งเสีย”
เยี่ยนจ้าวเกอเอียงศีรษะเล็กน้อย “จงใจกระมัง”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นตื่นตกใจ “คุณชายเยี่ยนขอรับ องค์ชายสี่ไม่ได้มีใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาไร้พรมแดนแต่อย่างใด เพียงแต่…เพียงแต่…”
“ข้าไม่ได้หมายถึงพวกของจ้าวหมิง” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ ก่อนจะหันศีรษะกลับไปมองอาหู่ “ไปบอกกล่าวท่านอาจารย์ฟู่เสีย”
อาหู่เกาศีรษะแกรกๆ “คุณชายขอรับ ที่แห่งนี้มีผู้อาวุโสระดับสูงถึงสามคน ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์อีกหลายคน…”
ชายหนุ่มส่ายหัว “ตอนนี้เรื่องพวกนี้ยังไม่ถึงกับต้องรบกวนพวกท่านอาจารย์ฟู่หรอก อีกอย่างเขาไร้พรมแดนก็คงเป็นคนระดับใต้บัญชามาจัดการก่อนเป็นแน่”
“ข้าให้เจ้าไปแจ้งข่าวท่านอาจารย์ฟู่ ก็เพื่อให้ท่านอาจารย์ฟู่เข้าใจสถานการณ์ จะได้เตรียมการ หากต้องรบกวนบุคคลสำคัญเช่นพวกเขาที่อยู่ในระดับนี้มาจัดการ พวกข้าก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด”
“ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน เผื่อว่าอีกฝ่ายมียอดฝีมือ เช่นนั้นจ้าวหมิงจะเสียเปรียบเอา”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ก้าวเท้าออกเดินทาง นำหน้าขึ้นไปบนเขา
เฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิงยืนอยู่ปากหุบเขา กำลังถกเถียงกันถึงกระบวนท่าวรยุทธ์วิชาที่ฟู่เอินซูถ่ายทอดให้ใหม่ เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็อดไม่ได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “จะไปไหนหรือเจ้าคะ”
เยี่ยนจ้าวเกอชี้ไปทางควันดำบนไหล่เขา “มีศิษย์ร่วมสำนักบนภูเขากับคนของเขาไร้พรมแดนปะทะกัน พวกข้าจะไปดูสักหน่อย”
พวกนางสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ผงกศีรษะ และร่วมตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอไป
บนเส้นทางขึ้นภูเขา มีจอมยุทธ์จากเขาไร้พรมแดนปรากฏตัวขัดขวางเช่นกัน “บนภูเขามีการเปลี่ยนแปลง ผู้มาเยือนจงหยุดฝีเท้าเสีย!”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ถ้าข้าหยุดฝีเท้า สายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของสำนักเจ้าประเดี๋ยวก็คงจะประสบกับหายนะ”
อีกฝ่ายตะลึงงัน “สายแร่อยู่ด้านล่างภูเขา…”
ฝีเท้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดนิ่ง ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ก้าวผ่านอีกฝ่ายไป “หากทำหน้าที่ที่เจ้ารับผิดชอบไม่ไหว ก็ไปเสียเถิด”
จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนคนนั้นอยากจะห้ามปราม แต่กลับรู้สึกได้ถึงลมรุนแรงที่จู่โจมเข้ามา กดคำพูดที่เขาต้องการจะพูดให้กลับลงไปในหน้าอกอีกครั้งทันที จนไม่สามารถอ้าปากได้อีก ร่างกายเองก็ถอยพรวดไปไม่หยุดหย่อน
เฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงแต่เดินขึ้นเขาตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอไปติดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี