แผนของเยี่ยนจ้าวเกอต้องใช้คนห้าคน นี่ไม่ใช่หมายถึงเลือกห้าคนไหนก็ได้ แต่ต้องมีพลังฝึกปรือขั้นต่ำอยู่ในระดับเซียนจริงแท้
ระดับไม่ถึงก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพลังจะต้องมากพอ
ทวนพระอังคารไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง จะยึดถือเขาเป็นอาวุธเซียนก็ดี หรือยึดถือเขาเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ก็ดี แต่ถือว่าเข้าเกณฑ์
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า หรือเยี่ยนตี๋และเนี่ยจิงเสินที่ตอนนี้อยู่ในระดับประมุข ถึงแม้ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ กลับตัดสินสูงต่ำกับยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้ส่วนใหญ่ได้
แต่ว่านี่มีเพียงสี่คน ยังขาดไปอีกคนหนึ่ง
จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ล้วนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แต่เสียดายที่หลังจากลากันในวันนั้นก็ไร้ข่าวคราว แม้แต่กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงก็ติดต่อไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าทวนพระอังคารไปในครั้งนี้ สมควรไม่เจอเจี่ยหมิงคง
ตัวเขาแม้จะสำเร็จระดับประมุข มีพลังน่าตระหนก สามารถยึดถือเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ส่วนใหญ่เป็นลูกหนังไว้ตบตีได้ แต่จนปัญญาที่วิธีในครั้งนี้ไม่อาจแทนที่จำนวนแทนคุณสมบัติได้
เหมือนกับอาวุธเซียนที่มีชีวิตเป็นของตัวเองเช่นทวนพระอังคาร ในตอนนี้ใช้เขาได้แค่คนเดียว ไม่อาจตั้งความหวังกับกระบี่เปิดกำเนิด และไม่อาจตั้งความหวังกับโคมในคันฉ่องที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาในครั้งนี้
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับแม้จะดี แต่เป็นเพราะสาเหตุคล้ายๆ กันจึงไม่อาจตั้งความหวังได้
ยิ่งไปกว่านั้น การไปตำหนักโอสถในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับจะแสดงความสามารถพิเศษของตัวเองออกมา
ต่อให้เติมเต็มตำแหน่งว่างของคนที่ห้าได้ เมื่อถึงเวลาสำคัญเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจนก่อให้เกิดความล้มเหลว
‘จักรพรรดิแพรที่สวมอาภรณ์ขาว?’ เยี่ยนจ้าวเกอมองท้องฟ้า ความคิดล่องลอย ‘อ้อ จริงด้วย เหลือเขาแค่คนเดียวแล้ว ต่อจากนี้เรียกเขาว่าจักรพรรดิแพรก็พอ’
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสิ้นชีวิต พลังของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวย่อมเพิ่มขึ้นเหมือนเรือลอยขึ้นตามน้ำ กลับสู่ระดับก่อนที่สองฝ่ายจะแบ่งแยกกัน
แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนนี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไปอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครทราบ
ตอนที่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงวางแผนถ่วงเวลาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อให้นักพรตเทียนอี้ไล่ล่าเสวี่ยชูฉิง จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไม่ได้โผล่มาเพราะสาเหตุที่ยังเป็นปริศนา
แม้ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอจะเจอกษัตริย์ดารา จนกระทั่งกลับโลกซ้อนโลก แต่ยังคงไม่มีข่าวที่แม่นยำของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอยังสงสัย แต่การได้พบจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำในการเดินทางครั้งนี้ก็รู้สึกว่าความสงสัยของตัวเองเป็นจริงไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ตอนนั้นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวอาจถูกคนของโถงเซียนรั้งตัวไว้ ทว่าเมื่อดูจากจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ สุดท้ายจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวสมควรไม่เป็นอะไร เพียงแต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงไม่ได้กลับโลกซ้อนโลก
‘เสียดายที่ตอนนี้เกรงว่ายากจะตั้งความหวัง’ เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง
ส่วนจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัด หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ไม่จำเป็นต้องนึกถึง
ผู้อาวุโสท่านนี้น่ากลัวจะไม่ต้องการเหยียบเรือสองแคม สมควรมีท่าทีไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการสัประยุทธ์ระหว่างเขากว่างเฉิง เขานครหยก และผากิเลน
นี่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์และการกระทำในอดีตของเขา ไม่ใช่จะเอนเอียงมาทางเขากว่างเฉิงได้ง่ายๆ เพราะการหลอกล่อด้วยตำหนักโอสถ
เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่คิดจะหลอกล่อเขา เป็นเพราะว่าตนมีตัวเลือกที่ดีกว่าเขา
พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุทางมรกตท่องฟ้า ยังใกล้ชิดกว่าจักรพรรดิไร้จำกัดและจักรพรรดิแพร
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอยังลังเลอยู่บ้าง เพราะเขาไม่เคยได้เจอกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยตรงๆ ดังนั้นท่าทีที่เขามีต่อมรกตท่องฟ้าจึงไม่อาจบอกได้
อย่าเห็นว่าเยว่เจิ้นเป่ยกับหลงซิงเฉวียนเป็นอาจารย์อาและศิษย์หลานซึ่งเป็นคนร่วมสำนักอย่างแท้จริง ปกติความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ไม่ได้มีอุปสรรคอย่างชัดเจนเพราะความขัดแย้งระหว่างมรกตท่องฟ้ากับโลกซ้อนโลก
แต่ถ้ามียอดฝีมือระดับสุดยอดของมรกตท่องฟ้าเข้าสู่การต่อสู้ภายในของโลกซ้อนโลกจริงๆ กษัตริย์กระบี่จะมีท่าทีอย่างไรก็ยากจะคาดเดาเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี