ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 1242

แผนของเยี่ยนจ้าวเกอต้องใช้คนห้าคน นี่ไม่ใช่หมายถึงเลือกห้าคนไหนก็ได้ แต่ต้องมีพลังฝึกปรือขั้นต่ำอยู่ในระดับเซียนจริงแท้

ระดับไม่ถึงก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพลังจะต้องมากพอ

ทวนพระอังคารไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง จะยึดถือเขาเป็นอาวุธเซียนก็ดี หรือยึดถือเขาเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ก็ดี แต่ถือว่าเข้าเกณฑ์

ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า หรือเยี่ยนตี๋และเนี่ยจิงเสินที่ตอนนี้อยู่ในระดับประมุข ถึงแม้ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ กลับตัดสินสูงต่ำกับยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้ส่วนใหญ่ได้

แต่ว่านี่มีเพียงสี่คน ยังขาดไปอีกคนหนึ่ง

จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ล้วนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แต่เสียดายที่หลังจากลากันในวันนั้นก็ไร้ข่าวคราว แม้แต่กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงก็ติดต่อไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าทวนพระอังคารไปในครั้งนี้ สมควรไม่เจอเจี่ยหมิงคง

ตัวเขาแม้จะสำเร็จระดับประมุข มีพลังน่าตระหนก สามารถยึดถือเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ส่วนใหญ่เป็นลูกหนังไว้ตบตีได้ แต่จนปัญญาที่วิธีในครั้งนี้ไม่อาจแทนที่จำนวนแทนคุณสมบัติได้

เหมือนกับอาวุธเซียนที่มีชีวิตเป็นของตัวเองเช่นทวนพระอังคาร ในตอนนี้ใช้เขาได้แค่คนเดียว ไม่อาจตั้งความหวังกับกระบี่เปิดกำเนิด และไม่อาจตั้งความหวังกับโคมในคันฉ่องที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาในครั้งนี้

เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับแม้จะดี แต่เป็นเพราะสาเหตุคล้ายๆ กันจึงไม่อาจตั้งความหวังได้

ยิ่งไปกว่านั้น การไปตำหนักโอสถในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับจะแสดงความสามารถพิเศษของตัวเองออกมา

ต่อให้เติมเต็มตำแหน่งว่างของคนที่ห้าได้ เมื่อถึงเวลาสำคัญเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจนก่อให้เกิดความล้มเหลว

‘จักรพรรดิแพรที่สวมอาภรณ์ขาว?’ เยี่ยนจ้าวเกอมองท้องฟ้า ความคิดล่องลอย ‘อ้อ จริงด้วย เหลือเขาแค่คนเดียวแล้ว ต่อจากนี้เรียกเขาว่าจักรพรรดิแพรก็พอ’

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสิ้นชีวิต พลังของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวย่อมเพิ่มขึ้นเหมือนเรือลอยขึ้นตามน้ำ กลับสู่ระดับก่อนที่สองฝ่ายจะแบ่งแยกกัน

แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนนี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไปอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครทราบ

ตอนที่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงวางแผนถ่วงเวลาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อให้นักพรตเทียนอี้ไล่ล่าเสวี่ยชูฉิง จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไม่ได้โผล่มาเพราะสาเหตุที่ยังเป็นปริศนา

แม้ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอจะเจอกษัตริย์ดารา จนกระทั่งกลับโลกซ้อนโลก แต่ยังคงไม่มีข่าวที่แม่นยำของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ

ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอยังสงสัย แต่การได้พบจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำในการเดินทางครั้งนี้ก็รู้สึกว่าความสงสัยของตัวเองเป็นจริงไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ตอนนั้นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวอาจถูกคนของโถงเซียนรั้งตัวไว้ ทว่าเมื่อดูจากจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ สุดท้ายจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวสมควรไม่เป็นอะไร เพียงแต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงไม่ได้กลับโลกซ้อนโลก

‘เสียดายที่ตอนนี้เกรงว่ายากจะตั้งความหวัง’ เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง

ส่วนจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัด หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ไม่จำเป็นต้องนึกถึง

ผู้อาวุโสท่านนี้น่ากลัวจะไม่ต้องการเหยียบเรือสองแคม สมควรมีท่าทีไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการสัประยุทธ์ระหว่างเขากว่างเฉิง เขานครหยก และผากิเลน

นี่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์และการกระทำในอดีตของเขา ไม่ใช่จะเอนเอียงมาทางเขากว่างเฉิงได้ง่ายๆ เพราะการหลอกล่อด้วยตำหนักโอสถ

เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่คิดจะหลอกล่อเขา เป็นเพราะว่าตนมีตัวเลือกที่ดีกว่าเขา

พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุทางมรกตท่องฟ้า ยังใกล้ชิดกว่าจักรพรรดิไร้จำกัดและจักรพรรดิแพร

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอยังลังเลอยู่บ้าง เพราะเขาไม่เคยได้เจอกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยตรงๆ ดังนั้นท่าทีที่เขามีต่อมรกตท่องฟ้าจึงไม่อาจบอกได้

อย่าเห็นว่าเยว่เจิ้นเป่ยกับหลงซิงเฉวียนเป็นอาจารย์อาและศิษย์หลานซึ่งเป็นคนร่วมสำนักอย่างแท้จริง ปกติความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ไม่ได้มีอุปสรรคอย่างชัดเจนเพราะความขัดแย้งระหว่างมรกตท่องฟ้ากับโลกซ้อนโลก

แต่ถ้ามียอดฝีมือระดับสุดยอดของมรกตท่องฟ้าเข้าสู่การต่อสู้ภายในของโลกซ้อนโลกจริงๆ กษัตริย์กระบี่จะมีท่าทีอย่างไรก็ยากจะคาดเดาเป็นพิเศษ

ขณะความคิดทำงาน เขาก็อดนึกถึงความรู้สึกเย็นเยียบในตอนที่สำนึกของตนเข้าใกล้ตำหนักเมื่อครู่ไม่ได้ เหมือนกับมีคนกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา

‘มีคนอื่นอยู่ในนั้นหรือ เป็นคนที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หรืออาศัยอยู่ในตำหนักหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หรือว่าจะมีคนออกตามหาของล้ำค่าแล้วไปเจอตำหนักโอสถเข้า แต่สุดท้ายกลับถูกขังอยู่ในนั้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่’

ตอนที่ได้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมา มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนหายตัวไปเพราะตำหนักโอสถ หลายปีมานี้ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด หากแต่เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงอันเย็นเยียบนั้นดำรงอยู่มาก่อนพวกเขาหายสาปสูญ

‘ถ้าหากไม่ใช่คนอื่น เช่นนั้น…’ เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัวเล็กน้อย หรี่ตาลง

เขาไม่เหม่อลอยอีก จุดรวมสายตารวมศูนย์ เพ่งดวงตามองเงามืดในความว่างเปล่าที่อยู่ห่างออกไปไกล เนิ่นนานไม่กล่าววาจา

ในความเงียบงัน เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสำรวจทิวทัศน์ที่ลำแสงเจ็ดสีกระทำต่อมิติเวลา ทางหนึ่งฝึกฝน

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหลอมปราณเซียนที่ได้ดูดซับจากจักรพรรดิอาทิตย์ และโคมในคันฉ่องเพื่อเปลี่ยนมาใช้เองได้ ทว่าเมื่อใช้ในการหายใจก็มีประโยชน์ต่อร่างของจอมยุทธ์

ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอซ่อมแซมโคมในคันฉ่อง และนำมาหล่อเลี้ยงกงจักรมหาประกายกาฬได้

เวลาล่วงเลยไปวันแล้ววันเล่า ไหลผ่านอย่างรวดเร็ว

เยี่ยนจ้าวเกอยังคงการอำพรางที่เกิดจากกงจักรมหาประกายกาฬอย่างระวังตัว ล่องลอยอยู่ท่ามกลางกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาในเมฆดาราปฐมกำเนิด หลีกเลี่ยงหูตาของยอดฝีมือโถงเซียน

กาลเวลาดุจสายน้ำ เยี่ยนจ้าวเกอเฝ้าอดทนรอคอย ในที่สุดพบกับแสงอรุณ

เขาได้รับข่าวจากเยี่ยนตี๋แล้ว

พวกเยี่ยนตี๋กับทวนพระอังคารได้ออกตามหา และกำลังจะมาถึง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี