“ตอนขึ้นเขามา ข้าพบการขัดขวางจากศิษย์ของท่าน ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าหากไม่เร่งรีบแล้วละก็ ที่จะประสบกับหายนะก็คือสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของสำนักท่าน”
สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน ไม่ร้อนรน
ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ผู้นี้วางแผนไว้ในใจอยู่แล้ว หรือคิดจะสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา มหาปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนหลายท่านแยกแยะได้ไม่ยากนัก
ผู้อาวุโสจั่วไม่กล่าวอันใด ทว่าหัวคิ้วของเขาขมวดเป็นปมขึ้นอีกครั้ง
ส่วนซานสือเวิง ผู้อาวุโสเก่าแก่แห่งเขาไร้พรมแดน ผู้มีวรยุทธ์สูงที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ทั้งยังเป็นผู้พาเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซูมาจากสำนักเขาไร้พรมแดน กลับมีสีหน้าท่าทางโอนอ่อนอยู่บ้าง
ซานสือเวิงมองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ ”เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าอย่างไรนะ”
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือคำนับ “สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับตาน้ำพุเมฆหยินหยาง หากจุดเพลิงใหญ่ขึ้นมา ไอเพลิงอาจจะส่งผลกระทบต่อสมดุลของตาน้ำพุเมฆหยินหยาง”
“ชีพจรน้ำของน้ำพุเมฆหยินหยางไหลตรงสู่ด้านล่างเขานิมิตเมฆ เชื่อมต่อเข้ากับชีพจรดิน ในระหว่างที่สมดุลชีพจรพลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลกระทบต่อพลังปราณของชีพจรดินที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขานิมิตเมฆ”
“สำหรับจอมยุทธ์รุ่นข้าแล้ว ผลกระทบด้านนี้ไม่ชัดเจนนัก แต่สำหรับแก่นแร่ของศิลาวิญญาณลึกล้ำที่เดิมทีก็ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของสภาพแวดล้อมโดยรอบล้วนแล้วแต่จะนำมาซึ่งผลกระทบ”
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “ที่โชคไม่ดีก็คือ ไอเพลิงเข้าสู่พื้นที่ พลังปราณของชีพจรดินก็จะปรับเปลี่ยนไปโดยปริยาย ตัวของมันก็จะมีแนวโน้มหนาวเหน็บมืดครึ้มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไอเพลิงที่อยู่ภายในและมาจากภายนอก อีกทั้งเมื่อชีพจรดินเริ่มหนาวเหน็บ ก็จะทำลายแก่นแร่ของศิลาวิญญาณลึกล้ำเข้าไปอีกขั้น”
บรรดาจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดน หากไม่ฉงนสนเท่ห์ก็ไม่เชื่อถือ อยากจะประณามเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าติดอยู่ที่ผู้อาวุโสสำนักก็อยู่ที่นี่ จึงไม่กล้ากระทำการโดยบุ่มบ่าม
จี้ฮั่นหรูหัวคิ้วขมวดมุ่น จดจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ
ซานสือเวิงและผู้อาวุโสจั่วไม่ได้พูดอะไร แต่ผู้อาวุโสเสวียนสือกลับเปิดปากเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำว่า “การที่ชีพจรดินเริ่มหนาวเย็น จะทำลายสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำอย่างนั้นหรือ”
สำหรับเขาไร้พรมแดนแล้ว ศิลาวิญญาณลึกล้ำเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุด จนแทบจะควบคู่ประวัติศาสตร์การก่อตั้ง พัฒนา จนถือกำเนิดขึ้นของทั้งเขาไร้พรมแดนเลยทีเดียว
เขาไร้พรมแดนมีการศึกษา ทดลอง และทำความเข้าใจต่อศิลาวิญญาณลึกล้ำอย่างลึกซึ้ง ผู้อาวุโสเสวียนสือในฐานะผู้อาวุโสระดับหนึ่ง เขารับผิดชอบดูแลสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำแห่งเขานิมิตเมฆเป็นการเฉพาะ สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวนั้น อยู่เหนือทั้งหมดที่เขารู้ กระนั้นผนวกเข้ากับสถานการณ์ที่เขารู้ทั้งหมด ก็คล้ายกับรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง
เรื่องนี้สำคัญยิ่ง ผู้อาวุโสเสวียนไม่ได้ทึกทักตำหนิเยี่ยนจ้าวเกอในทันที ทว่าการซักถามข้อสงสัยที่อยู่ในน้ำเสียงก็ชัดเจนจนไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ศิลาวิญญาณลึกล้ำรักษาสมดุลเอาไว้อย่างมั่นคง พลังปราณทรงพลังทั้งหมด ดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกับการแยกกันของหยินหยาง แต่ระหว่างกระบวนการเกิดขึ้นของศิลาวิเศษชนิดนี้ กลับมีช่วงที่หยินหยานรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว สายแร่ทั้งสองของสำนักเขาไร้พรมแดนและที่แห่งนี้แห้งเหือดต่อเนื่องกัน นั่นเป็นเพราะว่าวิธีขุดศิลาวิญญาณลึกล้ำของพวกท่านเป็นการใช้พลังอันแข็งแกร่งขุดเปิดอย่างบ้าคลั่ง”
“เพื่อที่จะโต้ตอบพลังความร้อนรุนแรงที่มาจากภายนอกนี้ ชีพจรดินภายใต้ที่ตั้งของแหล่งแร่จึงสร้างความหนาวเย็นขึ้นเองเพื่อปรับความสมดุล หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พลังของความหนาวเย็นจะทำลายแก่นแร่ไปตามกาลเวลา ดังนั้นศิลาวิญญาณลึกล้ำอันเป็นผลผลิตจากสายแร่นับวันก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จนแห้งเหือดไปในที่สุด”
เขาอธิบายอย่างฉะฉาน คล่องแคล่วทั้งยังเป็นขั้นเป็นตอน “พวกท่านอาจจะค้นพบการเปลี่ยนแปลงหยินหยาง ร้อนหนาวของพลังปราณโดยรอบสายแร่ แต่ไม่แน่ชัดถึงหลักการเกิดที่แฝงอยู่ของศิลาวิญญาณลึกล้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดโยงถึงด้านนี้”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสเสวียนสือเท่านั้น ซานสือเวิงและผู้อาวุโสจั่วก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ผู้อาวุโสจั่วจึงเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นแล้วเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “นั่นคงทำให้ท่านผู้อาวุโสต้องหัวเราะเยาะเสียแล้ว ตั้งแต่ยังเยาว์วัย งานอดิเรกของข้าคือการศึกษาทฤษฎียุ่งเหยิง ชอบเสาะหาตำราโบราณมาอ่าน ศึกษาอักษรโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุ่มหลงในซากวัตถุโบราณก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ในอดีตก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งถึงขั้นฝึกฝนวรยุทธ์ล่าช้าไปบ้าง ทำให้ท่านผู้อาวุโสสำนักข้าไม่พอใจนัก”
“กล่าวเช่นนี้แล้วเป็นไปได้ว่าอาจจะล่วงเกินไปบ้าง เพียงแต่ว่าท่านผู้อาวุโสหลายท่านควรจะรับรู้ไว้ ว่าพลังวิญญาณลึกล้ำไม่ใช่ท่านปรมาจารย์ก่อตั้งสำนักของท่านเป็นผู้สร้างแต่อย่างใด”
หนึ่งในรากฐานการก่อตั้งสำนักของเขาไร้พรมแดน พลังวิญญาณลึกล้ำ ก็เป็นคัมภีร์วิชาวรยุทธ์ที่มีอยู่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเขาไร้พรมแดนได้รับคัมภีร์ส่วนหนึ่งในฉบับที่ไม่สมบูรณ์ เขาศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน และเสริมเติมจนได้รูปแบบใหม่ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นพลังวิญญาณลึกล้ำในปัจจุบัน
คัมภีร์วรยุทธ์วิชาที่ไล่เลี่ยกันมากมายในโลกแปดพิภพปัจจุบันนี้ ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาเช่นนี้ เพียงแต่ว่าพลังวิญญาณลึกล้ำที่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเขาไร้พรมแดนได้รับในตอนแรกนั้นค่อนข้างสมบูรณ์
เพราะฉะนั้นพลังวิญญาณลึกล้ำในปัจจุบัน กับบทความโบราณก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จึงยิ่งใกล้เคียงกัน
แต่ไหนแต่ไรเขาไร้พรมแดนกลับก็ไม่กล้าเอ่ยถึงจุดนี้ ซานสือเวิงจึงผงกศีรษะทันที “ไม่ผิดนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี