ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 1271

กระแสปราณอันงดงามหลายสายพุ่งออกมาจากประกายกระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ย กลายเป็นเงามายาสายหนึ่งโดยมีประกายกระบี่เป็นศูนย์กลาง

เงามายาครอบคลุม ประกายกระบี่เปลี่ยนเป็นวัตถุคล้ายธงไม่คล้ายธง คล้ายขวานไม่คล้ายขวาน

ความว่างเปล่าในจักรวาลอันมืดมิดถูกประกายกระบี่แยกออกด้วยสภาวะเบิกผ่าฟ้าดิน ปรากฏเป็นลมกรรโชกไร้ขอบเขต

ลมกรรโชกพาดขวางอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด ทั้งอบอุ่น และเย็นเยียบ

ในความขัดแย้ง แฝงความลี้ลับไร้สิ้นสุดและอานุภาพอันน่าพรั่นพรึง

เป็นวิชากระบี่ที่เข้มแข็งที่สุดแห่งสายหยกพิสุทธิ์ซึ่งสืบทอดกันในเขานครหยกบนเขาคุนหลุนแห่งโลกซ้อนโลก ซึ่งเยี่ยนซิงถางเทพกระบี่ อดีตราชันพระศุกร์ได้สร้างขึ้น

เป็นกระบี่หยกเบิกนภา!

ประกายกระบี่อันบริสุทธิ์เคลื่อนตัวไปด้านหน้า ปะทะกับประกายกระบี่ของกษัตริย์อนันต์จางปู้ซวี

สองฝ่ายพอปะทะกัน ความตื้นลึกหนาบางของพลังฝึกปรือก็แสดงออกมาทั้งหมด

จางปู้ซวีที่ประสบความสำเร็จมาหลายพันปี ฝึกฝนปราณเซียนสี่ชนิดมาหนุนเสริมร่าง รวมสี่เป็นหนึ่ง สร้างวายุเซียนของตัวเอง ประกายกระบี่ไหลเวียน ปรากฏกลิ่นอายคุกคามคน

รอบๆ ตัวของเขามีวายุเซียนสีขาวทะลักออกมาราวกับควันเมฆ

ในวายุเซียนเห็นกระแสปราณสี่สายโคจรอย่างเป็นธรรมชาติ

กระแสปราณสายหนึ่งไหลเวียนอย่างปราดเปรียว เปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง ไร้สภาพ ไม่อาจขัดขวาง

กระแสปราณสายหนึ่งสว่างไสวงดงาม งอกงามไร้อันตราย พลังชวิตเต็มเปี่ยม หนักแน่นต่อเนื่อง

กระแสปราณสายหนึ่งสมดุลสงบนิ่ง ไม่เอนเอียง ดูไร้ความเกี่ยวข้อง ความจริงกับสำคัญยิ่ง

กระแสปราณสายหนึ่งดุร้ายบ้าคลั่ง เป็นอันตรายต่อชีวิต อำมหิตร้ายกาจ อันตรายชั่วช้า

เซียนมีห้าปราณ นอกจากปราณเที่ยงตรงแล้ว สี่ปราณเซียนที่เหลือ ต่างถูกจางปู้ซวีหลอมเปลี่ยน รวมเป็นหนึ่งเดียว

วายุเซียนที่หลอมสำเร็จเช่นนี้ สอดคล้องกับลักษณะเด่นอันน่าอัศจรรย์ในการเปลี่ยนแปลงวรยุทธ์ของกระบี่เจ็ดสายแห่งเหนือพิสุทธิ์ของจางปู้ซวี ทำให้ความมหัศจรรย์ด้านในแสดงผลออกมาเต็มที่

เยว่เจิ้นเป่ยขณะที่ออกกระบี่ บนร่างก็มีวายุเซียนสีขาวลอยอบอวล

ในวายุเซียนที่วนเวียนอยู่รอบตัวเยว่เจิ้นเป่ยมีกระแสปราณสามสายโคจร

นอกจากปราณวิสุทธิ์ที่มั่นคงสงบนิ่ง และปราณกาลีที่อำมหิตร้ายกาจ ยังมีปราณเที่ยงตรงที่แข็งแกร่งเหนียวแน่น ไม่สั่นไหว

เทียบกับจางปู้ซวีที่ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงมาก่อนตนเองพันกว่าปีแล้ว ปัจจุบันปราณเซียนที่เยว่เจิ้นเป่ยหลอมได้ ยังมีแค่สามชนิด

ทว่าระหว่างที่ประกายกระบี่ของเขาสั่นไหว ก็ตัดขวางเคลื่อนย้าย เปลี่ยนแปลงได้ดั่งใจนึก

ประกายกระบี่เปลี่ยนจากความยิ่งใหญ่ของการเปิดฟ้าดิน เป็นเส้นสายเล็กละเอียด ชอนไชเข้าไปในประกายกระบี่ของจางปู้ซวี

จากนั้น ประกายกระบี่ที่ดูเหมือนอ่อนแอก็เปลี่ยนจากเมล็ดผักกาดเป็นเขาพระสุเมร จากเล็กเป็นใหญ่ สภาวะอันยิ่งใหญ่ของการกลืนกินขุนเขาลำธาร เบิกผ่าฟ้าดินกลับคืนมา ทำลายประกายกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ของจางปู้ซวีจากด้านใน

ประกายกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์สายหนึ่งเหมือนกับกลุ่มก้อนความขมุกขมัว

จากนั้นความขมุกขมัวกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็ถูกประกายกระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ยฟันทำลาย กลายเป็นฟ้าดินที่แยกออกจากกัน แสดงให้เห็นถึงกระบวนการของธรรมชาติ

ตัวประกายกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์อันตรธานหายไป

กระบี่หยกเบิกฟ้าของเยว่เจิ้นเป่ยบริสุทธิ์สุดเปรียบปาน แตกต่างกับวิชากระบี่ของเนี่ยจิงเสินที่ได้ใส่ความเข้าใจของตัวเองเข้าไป สร้างเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา

กลับศึกษากระบี่หยกเบิกนภาของแท้ถึงขีดจำกัดหนึ่ง

การเปลี่ยนแปลงในวิชากระบี่ล้วนจับตัวกันอยู่ด้านในประกายกระบี่ พื้นที่เพียงชุ่นเดียว กับเกิดปรากฎการณ์นับพันนับหมื่น

พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นต่างถอนใจชมเชย

‘นี่เป็นเป็นการวาดภาพขุนเขาลำธารบนเหล็ดหมาดแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย

หลังจากเลื่อนสู่ระดับพลังฝึกปรือที่สูงมากพอ จอมยุทธ์จะควบคุมพลังของตัวเองได้แม่นยำและละเอียดมากขึ้น

แต่ว่าในกระบวนการนี้ เพราะความแตกต่างของแต่ละคน จึงมักมีการแบ่งสูงต่ำ

สองฝ่ายสู้กันสุดชีวิต จะชนะหรือพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว จางปู้ซวีที่มีสี่ปราณหนุนเสริมร่าง ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับ อาจจะพ่ายแพ้ใต้กระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ย!

ระดับแตกต่างกัน ทว่ากลับเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ได้แต่ต้องกล่าวว่า วิชากระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ยมีระดับสูงยิ่งกว่า!

ขณะมองกระบี่หยกเบิกนภาที่กล่าวได้ว่าคุ้นเคย ความทรงจำในส่วนลึกหัวใจของจางปู้ซวีที่ไกลแสนไกลก็ถูกปลุกขึ้น

ในอดีตมีศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคน ฝึกฝนวิชากระบี่อย่างเดียวกัน มาจากโลกซ้อนโลก หาเรื่องมรกตท่องฟ้า สยบผู้ฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ที่ทะนงตนคนแล้วคนเล่าด้วยวิชากระบี่

จางปู้ซวีในตอนนั้นยังไม่ได้ออกจากมรกตท่องฟ้า

เขาเป็นหนึ่งในนี้เช่นกัน จากนั้นก็รับความอัปยศที่ไม่อยากนึกถึงนั้นร่วมกับคนอื่น

ปัจจุบันถึงกับมีความรู้สึกเหมือนว่าเรื่องในอดีตเกิดขึ้นอีกครั้งอยู่หลายส่วน

วันนี้ไม่เหมือนกับวันนั้น สองฝ่ายต่างก็เติบโตขึ้น

ถ้าหากแค่เปรียบวิชากระบี่เหมือนครั้งกระโน้น เกรงว่าจะแบ่งผลแพ้ชนะได้แล้ว

ผู้แพ้ คล้ายกับเหมือนในอดีต

จางปู้ซวีดวงตาสั่นสะท้าน สงบจิตใจ สลัดความคิดมากมายทิ้ง จากนั้นก็โจมตีใส่เยว่เจิ้นเป่ยด้วยสภาวะกระบี่ผลักภูเขาถมทะเล

เยว่เจิ้นเป่ยสีหน้าเคร่งขรึมตั้งแต่ต้นจนจบ หากไม่ตึงเครียด ห้วงจิตไร้คลื่น สงบนิ่งดุจทะเลสาบ มีเพียงความเชื่ออันแสนจริงจังที่ต้องสู้ด้วยกำลังทั้งหมด เพ่งสมาธิกับการออกกระบี่ ฟันทำลายประกายกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ที่เหมือนกับคลื่นซัดฟ้าถล่มด้วยสภาวะเบิกฟ้าผ่าดิน

“ขอบคุณกษัตริย์อนันต์ ถึงแม้พวกเราจะไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน แต่ในเมื่อท่านไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องตำหนักโอสถให้โถงเซียนเต๋านอกรีตทราบ อย่างน้อยทุกคนก็ยังเป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “ครั้งนี้ถ้าสำเร็จ จะมีส่วนช่วยอาจารย์ลุงหลงกับศิษย์พี่อวี่แห่งมรกตท่องฟ้า ไม่ว่าจะอย่างไร ตำหนักโอสถสุดท้ายจะตกมาอยู่ในมือผู้สืบทอดกระแสตรงสำนักเต๋าดั้งเดิมเช่นพวกเรา”

จางปู้ซวียังไม่ทันได้พูดอะไร ระหว่างฟ้าดินก็มีเสียงเย็นเยียบโกรธเกรี้ยวของเทียนซูวิญญาณตำหนักดังขึ้นอย่างกะทันหัน “พูดจาน่าฟัง ความจริงล้วนเป็นคนสับปลับเห็นแก่ตัว ในอดีตวังเทพเกิดความขัดแย้งภายใน พวกเจ้าก็จะมีจุดจบเช่นนี้!”

“นี่เป็นสันดานของพวกเจ้า ไม่อาจแก้ไขได้ตลอดกาล!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี