“ประมุขสูงสุด…”
ทุกคนเงียบกริบ เหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ
“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งสูงส่งที่สุดในโลกมนุาย์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะมีเซียนมาจากสวรรค์ชั้นเก้าก็ยังต้องให้ความเคารพ” หลิวเจิงกู่ประมุขอีสานกล่าวเหมือนชมเชยเหมือนถอนใจ “ประมุขสูงสุด เหมาะกับความจริง กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
หวังผู่ถอนใจพลางเอ่ย “ตัวตนอย่างศิษย์น้องเยี่ยน ในอดีตไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อจากนี้ก็เกรงว่าก็ยากจะเกิดขึ้นกระมัง?”
“ตั้งแต่เริ่มยุคบรรพกาลจนถึงวันนี้ หลายยุคสมัยได้พ้นผ่าน จึงค่อยมีคนแบบนี้” หลิวเจิงกู่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้จะอยากให้มีอีกคน ไหนเลยง่ายดาย?”
ชิวเจียไห่พึมพำ ครึ่งหนึ่งถอนใจชมเชย ครึ่งหนึ่งเยาะเย้ยตนเอง “พวกเรากำลังเป็นสักขีพยานแก่ปรวัตศาสตร์!”
พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าอย่างเงียบงัน
เหล่าแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์จากเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งมีความสะท้อนใจที่ล้ำลึก
ย้อนนึกถึงวันนั้น เยี่ยนจ้าวเกอแทบจะผงาดขึ้นมาใต้หนังตาของพวกเขา
ในเวลานั้น คนบนโลกยังไม่ทราบถึงสถานะความเป็นมาของเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก
ทว่าในตอนนั้น พวกเขาก็เริ่มสร้างตำนานมากมาย
จนกระทั่งกลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นตอนนี้
ถึงตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะยังไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ทว่าเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องทิ้งรอยตราที่เป็นของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ ยากจะทำลายทิ้ง
“ข้าเกิดมาช้า ไม่ได้เห็นการบุกเบิกโลกซ้อนโลกในอดีต วันนี้กลับได้เห็นราชันพระอังคารขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล ได้เห็นภาพแยกโลกซ้อนโลก ถือว่าเป็นสักขีพยานแก่เรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์”
หลิวเจิงกู่ลูบเครา “คิดไม่ถึงว่า ทุกอย่างจะยังไม่จบ วันนี้ยิ่งทำให้ข้าได้เห็นวีรกรรมอันสะท้านเทือนเช่นนี้ของเยี่ยนสูงสุด”
ชายชราร่างสูงใหญ่ที่มีกำลังวังชากล่าวพลางถอนใจ “สำนักเต๋าของพวกเรามีโอกาสรุ่งเรืองอีกครา ชีวิตนี้ข้าไม่เสียดายแล้ว”
คนที่อยู่รอบๆ พอฟัง ต่างแสดงสีหน้ารู้สึกเหมือนกัน
มีแต่หยวนเจิ้งเฟิงประมุขคนเก่าของเขากว่างเฉิงถึงมีสีหน้าผ่อนคลาย
ถ้าหากบอกว่าใครได้เห็นการผงาดของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตาตัวเอง เขามีสิทธิ์พูดยิ่งกว่าคนของเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้
ประมุขคนเก่าวินาทีนี้ไม่ได้ประหลาดใจ ถอนใจชมเชยเหมือนคนอื่นๆ มีเพียงแต่ความปลาบปลื้มยินดี
เขาเชื่อมั่นว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องแสดงให้เห็นเกียรติยศที่ไม่มีใครสู้ได้ ความจริงในวันนี้เป็นแค่การพิสูจน์เรื่องราวนี้เท่านั้น
จักรวาลในตำหนักโอสถในที่สุดก็สงบลง
จอมยุทธ์โถงเซียนที่อยู่ด้านในถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งหมดสิ้น!
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกระทำเรื่องเล็กๆ ที่ไร้ความสำคัญ ร่างหายไปจากในจักรวาล จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นกลางหอเซียนม่วงอันเป็นแกนกลางหลักของตำหนักโอสถอีกครั้ง
เขาใช้สองมือประสานมุทรา แล้วกดลงบนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับสั่นไหว พิธีกรรมทำงาน รัศมีแสงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าขยายตัวในจักรวาลในตำหนักโดยมีหอเซียนม่วงเป็นศูนย์กลาง
ตำหนักโอสถทั้งตำหนักวินาทีนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพิ่มพลังขึ้นกว่าเดิมอีกขั้น
ควันสีม่วงที่รองรับตำหนักวังเซียนหยกขาว กลายเป็นทะเลเมฆหลายกลุ่ม ขยายตัวไปทั่วสี่ทิศไม่หยุดยั้ง
ยอดฝีมือโถงเซียนที่กำลังต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงและเยว่เจิ้ยเป่ยเห็นดังนั้น ล้วนจิตใจหนักอึ้ง “พวกเขาถึงกับล้มเหลวแล้ว?!”
ทะเลเมฆสีปราณสีม่วงยิ่งใหญ่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อยอดฝีมือจากโถงเซียน
แสงสีทองหลายสายสาดลง ทำให้ยอดฝีมือเส้นทางนอกรีตซึ่งทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้ยิ่งยากต้านทานกว่าเดิม
สถานการณ์สูสีที่ตอนแรกฝืนรักษาไว้ได้ กลับตาลปัตรในชั่วพริบตา เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยว่เจิ้นเป่ยพากันเปลี่ยนการป้องกันเป็นจู่โจม
ประกายกระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ยทวีพลัง ฟันกษัตริย์เซียนลี้ลับของโถงเซียนคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นสองท่อน!
ในขณะเดียวกัน พอสัมผัสได้ว่าเจตจำนงดาบอันเหี้ยมโหดที่ก่อนหน้านี้เฟิงอวิ๋นเซิงได้เก็บไปก่อน ตอนนี้มีแนวโน้มที่จะปล่อยออกมาอีกครา จ้าวสวรรค์โถงเซียนผู้นั้นขมวดคิ้ว “ไปก่อน ตอนนี้เมื่อไม่เสียท่า อีกเดี๋ยวค่อยคิดบัญชีกับพวกมัน”
พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ช่วยบังสภาวะการโจมตีของกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยแทนกษัตริย์เซียนลี้ลับโถงเซียนกลุ่มหนึ่งด้านข้าง จากนั้นก็หลบพลังของเฟิงอวิ๋นเซิงและตำหนักโอสถ ทะลวงวงล้อมออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี