“อุปรสรรคในครั้งนี้ ผู้อาวุโสสั่วผ่านได้ยาก” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ครั้งนี้พวกเราสู้กับโถงเซียน แดนสุขาวดีศานาพุทธสมควรทำตัวเป็นชาวประมงได้ประโยชน์ มีแนวโน้มจะโจมตีโถงเซียน”
“หากแต่เกรงว่าพระศรีอาริย์ไม่อยากเห็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่มีพลังทำลายล้างแข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสสั่วปรากฏตัว”
เทียบกับพวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน กับเจ้าแม่อู๋ตังแล้ว ยังไม่เอ่ยถึงความสูงต่ำของพลังฝึกปรือและขีดความสามารถ คุณสมบัติโจมตีกับความกร้าวแกร่งของสั่วหมิงจางเห็นได้ชัดว่าเต็มเปี่ยมกว่า
ในสายตาของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและพระศรีอาริย์ นี่ย่อมสะดุดตาเป็นพิเศษ
ครั้งนี้โถงเซียนเสียหายไม่น้อย ความสนใจของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณถูกสั่วหมิงจางดึงดูด แดนสุขาวดีย่อมฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ
แต่พวกเขาจะลงมือตอนไหนกลับเป็นปัญหาข้อหนึ่ง
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพระศรีอาริย์อาจจะมอบเวลาให้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณระยะหนึ่ง
แดนสุขาวดีได้ประโยชน์ ทว่าสั่วหมิงจางตกตายด้วยมือของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ นี่บางทีเป็นผลลัพธ์ที่แดนสุขาวดีต้องการจะเห็น
แน่นอนว่า แดนสุขาวดีไม่มีทางยอมมอบเวลาให้โถงเซียนมากเกินไป ไม่อย่างนั้นรอเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกลับมาเฝ้าโถงเซียนจริงๆ ถึงแดนสุขาวดีจะนับว่าได้ประโยชน์ ก็ยังน้อยกว่าที่คาดไว้มาก
หากสามารถผ่านช่วงเวลานี้ได้ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณจะต้องถูกกดดันให้กลับโถงเซียน หยุดสนใจสั่วหมิงจางกับเยี่ยนจ้าวเกอชั่วคราว
รอสั่วหมิงจางหลบไปในมิติต่างแดน รวมเป็นหนึ่งกับมิติเวลาไร้สิ้นสุด เทวกษัตริย์ไร้ประมาณคิดหาตำแหน่งของเขาก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
กระนั้นคิดจะผ่านอุปสรรคนี้ให้ได้ กลับไม่ง่ายดาย
“หวังว่าฟ้าจะช่วยคุ้มครองราชันพระอังคาร” ฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรพยักหน้าแช่มช้า
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง”
ฟู่อวิ๋นฉือเปลี่ยนเป็นถาม “ครั้งนี้เส้นทางนอกรีตสูญเสียไปเท่าใด?”
“เพียงแค่เซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุดมีสี่คน” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “บวกกับคนที่ถูกผู้อาวุโสสั่วฆ่าตายก่อนหน้า เซียนกำเนิดตายไปราวๆ ยี่สิบคน”
ฟู่อวิ๋นฉือพ่นลมหายใจ “สมกับเป็นเทพยุทธ์จริงๆ!”
“การสูญเสียเช่นนี้ แม้เป็นเส้นทางนอกรีตก็ต้องเจ็บปวดเหลือแสน ยากจะชดเชยได้ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลสี่คน ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษ หนึ่งร้อยปีพันปีต่างใช่ว่าจะชดเชยช่องว่างนี้ได้”
ฟู่อวิ๋นฉือกล่าวอย่างใคร่ครวญ “การเปรียบขีดความสามารถระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีกำลังสูญเสียสมดุล สงครามใหญ่ระหว่างพวกเขาจะเกิดขึ้นก่อนกำหนด”
“มิผิด แดนสุขาวดีไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ก็ไม่ใช่แดนสุขาวดีแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเห็นด้วย
สงครามการแย่งชิงคน และเพิ่มพลังศรัทธาของตัวเองระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดี ทุกๆ ครั้งดำเนินอยู่สองสามปีไปถึงสิบกวาปี นานๆ ครั้งอาจจะดำเนินต่อไปหลายสิบปี
หลังจากสงครามครั้งหนึ่งสงบ ตามปกติแล้ว จะปะทุขึ้นอีกครั้งหลังผ่านไปราวๆ ร้อยปี
บางครั้งก็มีข้อยกเว้น ทำให้สงครามอาจเว้นช่วงไปอย่างน้อยร้อยปี หรือมากกว่าร้อยปี
ซึ่งความจริงในปัจจุบันเพิ่งห่างจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดของสองฝ่ายเพียงแค่ไม่กี่ปี ยังอยู่ในช่วงเวลาหยุดทำสงคราม
แต่ว่าครั้งนี้ สืบเนื่องจากราชันพระอังคารสั่วหมิงจางเข่นฆ่าไปทั่วสารทิศ พลังของโถงเซียนได้รับความเสียหายอย่างชัดเจน แดนสุขาวดีฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ เริ่มสงครามก่อน เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
ในเชิงภววิสัย นี่เป็นการชิงเวลาให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ
โถงเซียนที่โดนแดนสุขาวดีโจมตี เอาตัวเองยังไม่รอด ยากจะส่งยอดฝีมือจำนวนมากกว่าเดิมมาไล่ล่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
สั่วหมิงจางทั้งๆ ที่ทราบถึงการคุกคามของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ยังคงเลื่อนสู่ระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล ไม่ใช่แค่เป็นเพราะสถานการณ์เฉพาะหน้า ยังคิดเผื่อพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี