ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 1322

“อุปรสรรคในครั้งนี้ ผู้อาวุโสสั่วผ่านได้ยาก” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ครั้งนี้พวกเราสู้กับโถงเซียน แดนสุขาวดีศานาพุทธสมควรทำตัวเป็นชาวประมงได้ประโยชน์ มีแนวโน้มจะโจมตีโถงเซียน”

“หากแต่เกรงว่าพระศรีอาริย์ไม่อยากเห็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่มีพลังทำลายล้างแข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสสั่วปรากฏตัว”

เทียบกับพวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน กับเจ้าแม่อู๋ตังแล้ว ยังไม่เอ่ยถึงความสูงต่ำของพลังฝึกปรือและขีดความสามารถ คุณสมบัติโจมตีกับความกร้าวแกร่งของสั่วหมิงจางเห็นได้ชัดว่าเต็มเปี่ยมกว่า

ในสายตาของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและพระศรีอาริย์ นี่ย่อมสะดุดตาเป็นพิเศษ

ครั้งนี้โถงเซียนเสียหายไม่น้อย ความสนใจของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณถูกสั่วหมิงจางดึงดูด แดนสุขาวดีย่อมฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ

แต่พวกเขาจะลงมือตอนไหนกลับเป็นปัญหาข้อหนึ่ง

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพระศรีอาริย์อาจจะมอบเวลาให้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณระยะหนึ่ง

แดนสุขาวดีได้ประโยชน์ ทว่าสั่วหมิงจางตกตายด้วยมือของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ นี่บางทีเป็นผลลัพธ์ที่แดนสุขาวดีต้องการจะเห็น

แน่นอนว่า แดนสุขาวดีไม่มีทางยอมมอบเวลาให้โถงเซียนมากเกินไป ไม่อย่างนั้นรอเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกลับมาเฝ้าโถงเซียนจริงๆ ถึงแดนสุขาวดีจะนับว่าได้ประโยชน์ ก็ยังน้อยกว่าที่คาดไว้มาก

หากสามารถผ่านช่วงเวลานี้ได้ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณจะต้องถูกกดดันให้กลับโถงเซียน หยุดสนใจสั่วหมิงจางกับเยี่ยนจ้าวเกอชั่วคราว

รอสั่วหมิงจางหลบไปในมิติต่างแดน รวมเป็นหนึ่งกับมิติเวลาไร้สิ้นสุด เทวกษัตริย์ไร้ประมาณคิดหาตำแหน่งของเขาก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว

กระนั้นคิดจะผ่านอุปสรรคนี้ให้ได้ กลับไม่ง่ายดาย

“หวังว่าฟ้าจะช่วยคุ้มครองราชันพระอังคาร” ฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรพยักหน้าแช่มช้า

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง”

ฟู่อวิ๋นฉือเปลี่ยนเป็นถาม “ครั้งนี้เส้นทางนอกรีตสูญเสียไปเท่าใด?”

“เพียงแค่เซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุดมีสี่คน” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “บวกกับคนที่ถูกผู้อาวุโสสั่วฆ่าตายก่อนหน้า เซียนกำเนิดตายไปราวๆ ยี่สิบคน”

ฟู่อวิ๋นฉือพ่นลมหายใจ “สมกับเป็นเทพยุทธ์จริงๆ!”

“การสูญเสียเช่นนี้ แม้เป็นเส้นทางนอกรีตก็ต้องเจ็บปวดเหลือแสน ยากจะชดเชยได้ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลสี่คน ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษ หนึ่งร้อยปีพันปีต่างใช่ว่าจะชดเชยช่องว่างนี้ได้”

ฟู่อวิ๋นฉือกล่าวอย่างใคร่ครวญ “การเปรียบขีดความสามารถระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีกำลังสูญเสียสมดุล สงครามใหญ่ระหว่างพวกเขาจะเกิดขึ้นก่อนกำหนด”

“มิผิด แดนสุขาวดีไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ก็ไม่ใช่แดนสุขาวดีแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเห็นด้วย

สงครามการแย่งชิงคน และเพิ่มพลังศรัทธาของตัวเองระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดี ทุกๆ ครั้งดำเนินอยู่สองสามปีไปถึงสิบกวาปี นานๆ ครั้งอาจจะดำเนินต่อไปหลายสิบปี

หลังจากสงครามครั้งหนึ่งสงบ ตามปกติแล้ว จะปะทุขึ้นอีกครั้งหลังผ่านไปราวๆ ร้อยปี

บางครั้งก็มีข้อยกเว้น ทำให้สงครามอาจเว้นช่วงไปอย่างน้อยร้อยปี หรือมากกว่าร้อยปี

ซึ่งความจริงในปัจจุบันเพิ่งห่างจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดของสองฝ่ายเพียงแค่ไม่กี่ปี ยังอยู่ในช่วงเวลาหยุดทำสงคราม

แต่ว่าครั้งนี้ สืบเนื่องจากราชันพระอังคารสั่วหมิงจางเข่นฆ่าไปทั่วสารทิศ พลังของโถงเซียนได้รับความเสียหายอย่างชัดเจน แดนสุขาวดีฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ เริ่มสงครามก่อน เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว

ในเชิงภววิสัย นี่เป็นการชิงเวลาให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ

โถงเซียนที่โดนแดนสุขาวดีโจมตี เอาตัวเองยังไม่รอด ยากจะส่งยอดฝีมือจำนวนมากกว่าเดิมมาไล่ล่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ

สั่วหมิงจางทั้งๆ ที่ทราบถึงการคุกคามของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ยังคงเลื่อนสู่ระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล ไม่ใช่แค่เป็นเพราะสถานการณ์เฉพาะหน้า ยังคิดเผื่อพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย

ต่อให้ตอนนั้นเขาจะทราบแล้วว่ากษัตริย์เร้นลับอาจจะมีวิธีการที่ช่วยให้เขาขึ้นสู่เส้นทางฝึกฝนที่ถูกต้องได้อีกครั้งก็ตาม

“ตอนนี้สิ่งที่ข้าเป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือหงเหลียนเอ๋อร์กับเมิ่งเอ๋อร์ และซีสิง” ฟู่อวิ๋นฉือมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ปิดบัง

ฟู่ถิงยังพอว่า ที่เมิ่งหวานกับเหอซีสิงได้ทราบถึงการดำรงอยู่ของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ เป็นผลงานของฟู่อวิ๋นฉือเอง

ถึงจะบอกว่าฟู่อวิ๋นเซิงซึ่งตอนนั้นยังไม่แบ่งแยกอยู่ในส่วนคาบเกี่ยวระหว่างสติปัญญากับความเสียสติ แต่เขาย่อมไม่ลืมว่าได้สร้างผลลัพธ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ขึ้น และต้องการหาวิธีชดเชยมาโดยตลอด

กระนั้น จากความนัยในวาจา เขาความจริงก็เป็นห่วงสภาพของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

“ข้าผู้แซ่เยี่ยนมีแนวคิดที่ไม่สุกงอมดีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่จำเป็นต้องปรับและขัดเกลาอีกขั้น” เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม

ฟู่อวิ๋นฉืพอฟัง มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก พยักหน้าไม่พูดอะไรอีก

อีกด้านหนึ่งขณะนี้เมิ่งหวานมองเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความกังวล “หมายความว่ายังไม่ถึงเวลาคลายความกังวล”

นางไม่พูดถึงคำพูดในตอนนั้นของเฟิงอวิ๋นเซิง แต่ถามไถ่ประสบการณ์ในหลายปีมานี้ของเฟิงอวิ๋นเซิงไม่หยุด

“อีกนานกว่าจะคลายความกังวลได้” เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจเอ่ยว่า “ราชันพระราหูจากไปโดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ยังไม่อาจยืนยัน อำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมที่ข้าครอบครองในอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ยากจะคาดถึงเป็นพิเศษ”

นางหัวเราะหนักใจคำหนึ่ง “มิพักเอ่ยถึงปัญหาภายในของตัวเอง แค่ศัตรูภายนอก จอมมารทางนพยมโลกก็คอยจับจ้องตาเป็นมัน”

“ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเทวกษัตริย์สองคนจากสำนักเต๋าของเราอยู่ด้วย มารไม้อิกเกรงว่าจะขัดขวางข้าไว้ได้จริงๆ”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี