ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 14

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอกวาดสายตามองไป บรรดาศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างก็สะดุ้งเฮือก พลันได้สติกลับมา

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่เดิม ในมือขวามีท่อนไผ่สั้นๆ เพิ่มขึ้นอีกท่อนหนึ่ง ก่อนจะใช้ปลายอีกด้านหนึ่งเคาะลงบนฝ่ามือข้างซ้ายเบาๆ

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รวมตัวเข้าหากัน พลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้า…”

“เรื่องรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าข้าไม่สนใจทำหรอก แต่มีใครบางคนวอนหาเรื่องใส่ตัวเอง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นคนใจกว้าง โดยส่วนมากแล้วไม่ค่อยจดจำความแค้น ดังนั้นแล้วหากมีปัญหาอะไร ข้าก็ชอบที่จะแก้ไขจัดการให้เรียบร้อยตรงนั้นเลย”

ใบหน้าของศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขาวซีดขึ้นเล็กน้อย ปากขยับอ้าอยู่หลายครั้ง ทว่ากลับไม่มีเสียงลอดออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ อาวุธวิเศษทั้งหลายลอยไปมา ก่อนจะแยกย้ายกลับไปอยู่ตรงหน้าของซือคงจิง เยี่ยจิ่งและคนอื่นๆ อีกครั้ง

ครั้นเห็นภาพนี้เข้า ศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดคนต่างก็กระชับอาวุธวิเศษในมือของตนไว้แน่น

ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าไม่เหมือนเฉาหยวนหลง อาวุธวิเศษระดับล่างแปดชิ้นไม่ได้อยู่ในสายตาของข้า แต่ว่าของอย่างอื่นนั้น…”

เขาว่าพลางมองลูกศิษย์ของสำนักศิษย์สุริยันศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง แววตาของคนคนนั้นก็ส่องประกายขึ้นทันที

สีหน้าของเขาดูมีความดิ้นรนอยู่บ้าง เหมือนกับมีความคิดอยากบีบเจ้าแมวในมือให้ตายไปเสีย เขาอยากจะทำตัวเป็นอันธพาลให้ถึงที่สุด แต่ก็ถูกพลังของเยี่ยนจ้าวเกอกดดันไว้ จนสุดท้ายก็ไม่กล้าลงมือ

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา แล้วยื่นมือซ้ายออกไปในอากาศ

ภูตแมวแสงพลันหลุดออกจากมือของเด็กหนุ่มคนนั้นทันที ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกเพียงว่านิ้วมืออ่อนแรง ใช้แรงไม่ได้แม้แต่น้อย อย่าว่าแต่จะบีบเจ้าแมวนั้นให้ตายคามือเลย แค่คิดจะขยับนิ้วมือยังยาก

ส่วนเจ้าภูตแมวแสงตัวเล็กนั้นกลับไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด หลังจากลอยผ่านอากาศมา เยี่ยนจ้าวเกอก็จับมันเอาไว้ในมือ

ชายหนุ่มกระตุ้นปราณจิตราเพียงครั้งเดียว เลือดบนบาดแผลตรงคอของมันก็พลันหยุดไหล เมื่อเขาโยนมันออกไป เจ้าแมวน้อยตกลงไปในมือของศิษย์น้องหญิงร่วมสำนักทันที

เด็กสาวอุ้มภูตแมวแสง ทั้งดีใจทั้งเจ็บปวดใจ

“พลั่ก!”

เกิดเสียงดังกังวานขึ้นครั้งหนึ่ง ท่อนไผ่ที่อยู่ในมือขวาของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดชายหนุ่มที่จับภูตแมวแสงคนนั้นลอยไปแล้ว

“ภูตแมวแสงตัวนั้น ศิษย์น้องของข้าจะเป็นคนเลี้ยงไว้ และถือว่ามันเป็นของสำนักเขากว่างเฉิงด้วยเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือจับปลายทั้งสองด้านของท่อนไผ่ ท่อนไผ่สีเขียวสดโค้งงอลงเล็กน้อย “คำพูดนี้ ข้าเป็นคนพูดเอง มีปัญหาหรือไม่”

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างก้มหน้าลงเล็กน้อย เงียบงันไร้วาจา

เยี่ยนจ้าวเกอยังพูดอย่างเฉยเมยอีกว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจ เฉาหยวนหลงเอาชนะข้าไม่ได้ พวกเจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนเอาชนะข้าไม่ได้”

“แต่อย่างน้อย ณ ที่นี่ เวลานี้ พวกเจ้าไม่พอใจก็ต้องยอม”

ไม้ใหญ่หักโค่นลงง่าย คนที่ผ่านลมฝนมาน้อยมักหลงทางได้ง่าย เยี่ยนจ้าวเกอกดความห้าวหาญของศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ลงจนแทบไม่เหลือ ทำให้แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหมองหม่นและจำใจ

ท่อนไผ่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอชี้ไปยังที่ที่อยู่ไกลออกไป “เขตใจกลางหุบเหวแห่งนี้ไม่มีที่สำหรับพวกเจ้า พาเฉาหยวนหลงไสหัวออกไปเสีย”

เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว แม้ว่าศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เสียความฮึกเหิมและความหยิ่งยโสไป ทว่าก็ยังมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาโกรธแค้น

“เหตุใดพวกข้าอยู่ในเขตใจกลางหุบเหวใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้?”

“ศิษย์พี่ฉาวก็สลบอยู่ ถ้าไปอยู่ในที่ที่มีหมอกดำหนาแน่น ร่างกายก็อาจจะรับไม่ไหว!”

“ศิษย์พี่เยี่ยนท่านนี้ พวกเจ้าศิษย์เขากว่างเฉิงทำเกินไปหน่อยกระมัง คิดว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้ารังแกกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”

แม้แต่ศิษย์ของสำนักเขากว่างเฉิงได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ต่างก็รู้สึกว่าเหมือนจะเกินไปอยู่บ้างเช่นกัน

สถานที่อันตรายอย่างหุบเหวปราการมังกรนี้ มีพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างเขตใจกลางหุบเหวน้อยมาก พื้นที่ตรงหน้านี้กว้างใหญ่ แม้ว่าคนของทั้งสองสำนักจะมีความบาดหมางต่อกัน แต่ก็ยังสามารถอยู่กันคนละฝั่ง ทำเหมือนต่างคนต่างไม่เห็นกันได้

เยี่ยนจ้าวเกอซัดเฉาหยวนหลงจนสลบไปแล้ว ทั้งยังรังแกศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จนใบหน้าอาบไปด้วยเลือด นี่พอจะกล่าวได้ว่าเป็นผลจากการประมือกันระหว่างศิษย์รุ่นเยาว์แล้ว

แต่การจะให้เฉาหยวนหลงและคนอื่นๆ ออกไปจากเขตใจกลางหุบเหว ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่โอหังเกินไปอยู่บ้าง

พูดกันตามตรง แม้ว่าในใจลึกๆ ของศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงจะไม่ยอมรับ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว สำนักของพวกเขายังด้อยกว่าอยู่หลายส่วนจริงๆ

แค่ชั่วพริบตาที่เหมือนกับการโบกมือหรือดีดนิ้ว ก็ทำให้เฉาหยวนหลงที่วรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันบาดเจ็บไปอย่างง่ายดาย

เฉาหยวนหลงไม่ใช่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในทั่วๆ ไป แต่เป็นลูกศิษย์รับสืบทอดหลักของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเป็นบุคคลมากกว่าความสามารถในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน และเก่งกาจอยู่ในระดับต้นๆ ในบรรดาคนที่มีวรยุทธ์ระดับเดียวกัน ทำให้เป็นชนรุ่นหลังที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงในโลกแปดพิภพ

ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน จะมีสักกี่คนที่กล้าพูดว่าตนเองสามารถจัดการเฉาหยวนหลงให้อยู่ในสภาพนี้ได้สบายๆ

มีศิษย์บางคนที่เข้าสำนักมานานหน่อย มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความรู้สึกสงสัย ก่อนจะอุทานด้วยความชื่นชมว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้เลยว่าศิษย์พี่เยี่ยนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หรือว่าก่อนหน้านี้เขาปกปิดเอาไว้มาตลอดเลย”

‘แค่กๆ น่านับถือ น่านับถือ ต้องรักษาความน่านับถือของยอดฝีมือไว้ ต้องมีความน่านับถือ!’ เยี่ยนจ้าวเกอพร่ำบอกตนเองอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็รับเอาสายตาที่ชื่นชมและนับถือของทุกคนไว้อย่างไม่เกรงใจ

แม้มังกรเขียวในชายเสื้อนั้นเป็นวิชาที่เจ้าของร่างเดิมคิดค้นขึ้น แต่หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอปรับแก้จุดอ่อนและทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ก็คงไม่มีทางมีผลลัพธ์เยี่ยมยอดเช่นเมื่อครู่อย่างแน่นอน

หลังจากนำเจตจำนงกระบี่ของสุดยอดวิชากระบี่มังกรเมฆาที่สำนักพระราชวังเทพเก็บสะสมไว้ในโลกก่อน มารวมกับกระบวนกระบี่ของวิชามังกรเขียวในชายเสื้อ ก็เกิดผลลัพธ์ชนิดพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที

ส่วนเรื่องที่นำเอาท่อนไผ่มาใช้แทนกระบี่ ก็เพียงแต่ทำเล่นๆ ให้ตกเป็นจุดสนใจเท่านั้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดึงเอาความสนใจมานั่นเอง

แต่ทั้งที่ตกลงกันไว้ว่าจะคิดด้วยกันทำด้วยกัน แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายทำคนเดียวทั้งหมด…

‘ผลลัพธ์ไม่เลว ยังต้องพยายามต่อไป’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

มีศิษย์น้องร่วมสำนักคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความลังเลว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน ในเมื่อไม่สามารถจัดการคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้ เหตุใดจึงต้องฉีกหน้าแล้วไล่พวกเขาออกไปเช่นนั้นด้วยขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เพราะข้าอารมณ์ดีอย่างไรเล่า”

ฝ่ายตรงข้ามเบิกตาปากอ้าค้าง ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปในชั่วขณะหนึ่ง

ชายหนุ่มหัวเราะ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เพียงดีดนิ้วครั้งหนึ่ง อาหู่ก็รีบนำเอาเตาผลึกหินชั้นในที่แบกเข้ามาอย่างยากลำบากมาวางไว้ที่เขตใจกลางหุบเหว

เป็นเช่นคำพูดของอาหู่ วันนี้เยี่ยนจ้าวเกออารมณ์ดีมาก เขาใช้ฝ่ามือตบลงเบาๆ บนเตาผลึกหินชั้นใน พลางมองไปยังเหวลึกที่อยู่ด้านหน้า ‘พื้นที่เก้าปราณพิษที่ตามหามานาน ไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ’

…………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี