เฉินเสวียนจง เจี่ยหมิงคง ฉู่หลีหลีนั่งเคียงข้างกัน ฝ่ามือของเจี่ยหมิงคงกับฉู่หลีหลีแยกกันวางบนไหล่สองข้างของเฉินเสวียนจง ชั้นน้ำแข็งแช่แข็งร่างของคนทั้งสาม กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งขนาดมหึมา
ในน้ำแข็งเย็นเยือก พวกเฉินเสวียนจงล้วนหลับตา ไม่ขยับไม่มองไม่พูด ราวกับหลับใหล
ที่จุดถานจงกลางทรวงอกของเฉินเสวียนจง แสงมารสีฟ้าอ่อนลง แต่ว่าก็กำลังกะพริบอย่างรุนแรง เหมือนกับการดิ้นรนก่อนตาย
ทว่าสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็กลับสู่ความว่างเปล่า สำนึกมารหายไปหมดสิ้น
เยี่ยนจ้าวเกอที่จับตาดูเฉินเสวียนจงมาโดยตลอด ข้างหูเหมือนกับได้ยินเสียงเย็นเยียบสิ้นหวังและโมโหไม่ยอมรับค่อยๆ ออกห่างไป
ออกไปจากโลกใบนี้ หายไปในระดับชั้นอีกระดับ
มารน้ำกุ่ย หนึ่งหกสุดยอดมาร หนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์ดับสูญอีกครั้ง!
มันที่ก้าวเท้าก้าวสุดท้ายออกสำเร็จ เกือบได้คืนชีพกลับสู่โลกใบนี้ ถูกผลักกลับไปใหม่
มาถึงวินาทีนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยโล่งอก เขามองเฉินเสวียนจงสามศิษย์อาจารย์ คำนับอย่าจริงจัง “ลำบากผู้อาวุโสทั้งสามท่านแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกไป กลางฝ่ามือปรากฏแสงสว่าง ห่อหุ้มรูปสลักน้ำแข็งอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เก็บไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง
โชคดีที่เจอตัวเจี่ยหมิงคงทันกาล และโชคดีที่ฉู่หลีหลีไม่ได้โวยวายอาละวาด จึงค่อยช่วยเฉินเสวียนจงไว้ได้
เพียงแต่สืบเนื่องจากคาถาผนึกมารและมารน้ำกุ่ย ตอนนี้ชีวิตของเฉินเสวียนจงจึงแขวนบนเส้นด้าย เป็นตายไม่อาจทำนาย จะตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง ทำลายน้ำแข็งออกมาได้หรือไม่ ยังไม่อาจทราบได้
นี่ไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่เขาแช่แข็งตัวเองในชายฝั่งยมโลก อยู่นอกเขตแดนเพียงคนเดียว นั่นเป็นความตั้งใจ ทว่าตอนนี้ถูกบังคับ
มีความเป็นไปได้ว่าการผนึกน้ำแข็งครั้งนี้อาจเป็นตลอดกาล
เจี่ยหมิงคงกับฉู่หลีหลีในตอนนี้อยู่ในสภาพเดียวกับเขา มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมต้าน
แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การปลอบประโลมก็คือ ตรามารหายไปแล้ว แม้นเฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีจะไม่ตาย แต่ก็ไม่มีความกังวลจากมารน้ำกุ่ยอีก
ขอแค่ไม่มีมารตนอื่นๆ ได้โอกาสทิ้งตรามารชิ้นใหม่ไว้บนตัวคนทั้งสองอีก
การผนึกน้ำแข็งนี้ได้ตัดความเป็นไปได้ที่มารน้ำกุ่ยจะติดต่อล่อลวงพวกเขาทิ้ง
แม้ว่าคนที่เหมาะเป็นร่างสถิตทั้งสองจะยังมีชีวิต ทว่ามารน้ำกุ่ยก็ได้แค่มองอย่างปรารถนา ไม่อาจสมหวังได้
‘คนดีฟ้าย่อมคุ้มครอง…’ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ใจกลางฝ่ามือ คิดในใจเงียบๆ
จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองความว่างเปล่าด้านในพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร สายตาค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น
ด้านนอกพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร เผ่าปีศาจเดิมทีกำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจากเห็นเฉินเสวียนจงใช้คาถาผนึกมาร การโจมตีของเผ่าปีศาจกลับอ่อนกำลังลงเล็กน้อย
พวกเขารู้สึกได้ว่าปราณมารอันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ทั้งเย็นเยียบเปล่าเปลี่ยวซึ่งเป็นของมารน้ำกุ่ยเมื่อก่อนหน้ากำลังสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
จอมมารตนนี้กำลังดับสูญ
เทพมารซึ่งตอนแรกผนึกกำลังกับเฟิงอวิ๋นเซิงขวางทางหนอนเก้าเศียร ยามนี้แตกตื่นลนลาน เริ่มเข้าใกล้พิธีผสมฟ้าขับไล่มาร
รอตอนที่เห็นเจี่ยหมิงคงเข้าไปในดวงแสง เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นเกิดลางสังหรณ์ ร้อนรนกว่าเดิม
มันแยกแยะความเป็นมาของเจี่ยหมิงคงในพริบตา
‘ศิษย์คนโตของเฉินเสวียนจง…เจี่ยหมิงคง…’
สำหรับมันแล้ว พลังฝึกปรือระดับเซียนจริงแท้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ทว่าในฐานะยอดฝีมือแห่งนพยมโลกระดับมหาชาล มีข้อมูลอยู่ในมือนับไม่ถ้วน ย่อมทราบความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยหมิงคงกับเฉินเสวียนจง
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยทดลองจับเจี่ยหมิงคงเพื่อนำมารบกวนเฉินเสวียนจงเช่นกัน น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาส
ตอนนี้พลันเห็นเจี่ยหมิงคงปรากฏตัว ถึงแม้จะไม่ทราบว่าจะเกิดผลด้านบวกแบบไหน แต่จอมมารตนนี้ก็ยังรู้สึกไม่ดีโดยสัญชาติญาณ
พอคิดถึงตรงหน้า มันก็เริ่มโจมตีพิธีผสมฟ้าขับไล่มารที่อยู่ด้านล่างอย่างคลุ้มคลั่ง
เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าไร้อารมณ์ แสงมารสีดำอมน้ำเงินในดวงตาสองข้างค่อยๆ บรรลุถึงระดับสูงสุด แสงสีดำสองสายผนึกตัวบนศีรษะโดยสมบูรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี