อาหู่ยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่องอยู่ด้านข้าง กำลังคันไม้คันมืออยากต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะทำให้หลินโจวได้รู้สักหน่อยว่าอะไรคือการฆ่าปิดปากเต็มแก่
เดิมทีก่อนหน้านี้ที่เกือบถูกหลินโจวฝังทั้งเป็นภายในห้องสุสานการุณยบุรุษ ก็ทำให้อาหู่ตัดสินเจตนาสังหารเรียบร้อยแล้ว
ทว่าสีหน้าอารมณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอกลับแปลกประหลาดไปอยู่บ้าง
เขาพิจารณาหลินโจวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่นานนัก ถึงได้พรวดประโยคหนึ่งออกมา “เจ้าดูแล้วช่างพูดจาอ่อนหวานละมุนละไมเสียนี่กระไร…”
คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้หลินโจวกับอาหู่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรอยู่บ้าง
“ข้าหมายถึง…” เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองถ้อยคำอยู่ชั่วครู่ สีหน้าท่าทางมีความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง “ชัดแจ้งว่าเรื่องประเภทขู่บังคับคนเช่นนี้ เหมือนว่าควรจะเป็นข้า…ไม่สิ ดูเหมือนว่าควรจะเป็นเรื่องที่ตัวร้ายกระทำต่างหาก”
หลินโจวหลุดหัวเราะออกมาเสียง “เจ้าคงไม่ได้คิดจะพูดว่าข้าต่ำช้าไร้ยางอายหรอกกระมัง ภูมิหลังฐานะเดิมของเจ้ากับข้าใกล้เคียงกัน ไม่ใช่คนที่จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปจะเปรียบได้ บนร่างกายล้วนมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ด้านกำลังภายนอกใครก็ไม่อาจจะได้เปรียบเหนือกว่า”
“แต่เจ้าร่างใหญ่ข้างกายเจ้านี้ เท่าที่ข้ารู้ แม้ว่ารัศมีแสงจะไม่ปรากฏ แต่พลังฝึกปรือของเขาอย่างน้อยที่สุดก็คือปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย จนถึงขนาดที่อาจจะถึงขั้นผ่านภาแล้วก็เป็นได้”
กล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลินโจวก็ส่ายศีรษะ “มีผู้ติดตามเช่นนี้คนหนึ่งติดกาย แม้แต่ข้าเองก็อิจฉาเจ้าอยู่หน่อยๆ แม้ว่าข้าจะมีความมั่นใจในตนเองก็ตาม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หนึ่งต่อสอง อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นปรมาจารย์ขั้นผ่านภา หากสามารถที่จะไม่สิ้นเปลืองกำลังนี้ได้ ข้าก็ไม่อยากจะสิ้นเปลือง หากมีแต้มต่ออื่นในมือสามารถใช้ได้ เรื่องอะไรข้าจะไม่ใช้เล่า”
หลินโจวมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “แน่นอนว่าหากเจ้ากล่าว ข้ากับเจ้าประลองตัวต่อตัว ผู้ใดชนะ ผู้นั้นได้เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไป หากเจ้าบึกข้างๆ เจ้าไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกละก็ เช่นนั้นข้าก็ยินดียิ่งที่จะประลองกับเจ้าสักตั้ง อาศัยแค่ความสามารถของตนเองเท่านั้น เพียงแต่ข้าขั้นเคียงนภาระยะกลาง เจ้าขั้นเคียงนภาระยะต้น ข้าเสนอให้ทำเช่นนี้ ไม่ดูเหมือนว่าขี้โกงไปหน่อยหรือ”
น้ำเสียงของหลินโจวสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น อย่างแรกสำนักเจ้ากับข้าแต่ไหนแต่ไรก็เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อย่างที่สองเรื่องเกี่ยวพันกับเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องปกติ ถึงเจ้าจะตอบรับการประลองตัวต่อตัว ข้าก็ยังต้องกังวลว่าเจ้าจะกลับคำอยู่ดี กำแต้มต่อในมือไว้บ้าง ไม่ใช่เรื่องที่ปกติเป็นอย่างมากรึ”
เยี่ยนจ้าวเกอหลุดหัวเราะ พลางส่ายศีรษะ “มิใช่ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด เพียงแค่ความสุขมาอย่างฉับพลันจนเกินไป ทำให้ข้ารับมือไม่ทันอยู่บ้างก็เท่านั้น”
เขามองหลินโจว ยิ้มพร้อมกับถอนใจ “อยู่เหนือความคาดหมายข้าไปสักหน่อย แตกต่างจากภาพจำของข้าค่อนข้างมาก”
หลินโจวกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าแค่กล่าวความรู้สึกกับคนที่ข้าให้ความสำคัญเท่านั้น คนอื่นจะเป็นตายร้ายดีแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า สามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ วิธีการจะดีหรือแย่นั้นไม่สำคัญแต่อย่างใด”
“ถังหย่งฮ่าวแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริงที่จิตใจเปิดเผยบริสุทธิ์ แต่ด้วยเหตุนี้ช้าหรือเร็วเขาก็จะเอาชีวิตตนเองไปทิ้ง”
ได้ฟังถึงครึ่งประโยค ในดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เผยแววใคร่ครวญ แววตาดูวูบไหวอยู่เล็กน้อย แต่ครู่หนึ่งก็กลับมานิ่งสงบทันที
ขณะที่มองหลินโจว เยี่ยนจ้าวเกอเอียงศีรษะเล็กน้อย “แก้ไขความผิดเพี้ยนบางอย่างบนความเข้าใจของเจ้า ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปลอดภัยที่จะเข้าไปก็รุกโจมตีได้ จะถอยร่นก็ตั้งรับได้”
อาหู่หัวเราะหยันตามประโยคนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างกายโผไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน!
การเคลื่อนไหวกายของเขา ร่างกายที่สูงใหญ่เช่นนี้ประหนึ่งกับเงาลวงที่เบาหวิว เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ทั้งร่างกายก็ถลาไปถึงเบื้องหน้าของหลินโจว!
“ดูแล้วเจ้าคงเลือกเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์แล้ว” สีหน้าหลินโจวไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายถอยร่นกลับไป ความเร็วดุจสายฟ้าแลบ
ความรวดเร็วฉับไวในการเคลื่อนไหวกายของตำหนักอัสนีสวรรค์ ถูกเขาสำแดงออกมาอย่างถึงอกถึงใจ
ทว่าหลังจากอาหู่ร้องคำรามอย่างดุร้าย ถลาเข้าโจมตีด้วยกรงเล็บภูตพยัคฆ์ ต่อด้วยการแสดงหมัดพยัคฆ์คำราม!
เดิมทีหลินโจวหลบหลีกได้ในทันที ทว่าร่างกายอาหู่กระโจนเข้าใส่ถึงสองครา คล้ายกับลมจิตราอันหนาวเหน็บ ชั่วพริบตาเหยียบทำลายความว่างเปล่า มาถึงตรงหน้าเขาอีกครั้ง!
รัศมีแสงเหนือศีรษะอาหู่พุ่งตรงสู่ท้องฟ้า ไม่ใช่ลำแสงลวงตาแต่อย่างใด แต่เป็นรัศมีแสงของขั้นฝ่านภาอย่างแท้จริง!
การคุกคามบีบรัดของปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา ปิดผนึกความว่างเปล่าโดยรอบอย่างสิ้นเชิง บัดนี้อากาศหนักอึ้งราวกับหินผา
แม้จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แต่ในดวงตาทั้งสองของหลินโจวกลับส่องแสงโหมกระหน่ำ
ขณะที่แสงฟ้าแลบด้านหลังเขาส่องประกายวาบ เขาก็กางปีกที่ประกอบมาจากสายฟ้าอย่างสิ้นเชิงคู่หนึ่ง
ช่วงที่ปีกสายฟ้าฟาดคู่นี้สั่นไหว หลินโจวก็ลอยขึ้นอีกขั้นด้วยความเร็ว หลบหลีกการถลาโจมตีของอาหู่ได้อย่างฉิวเฉียด
หลินโจวมองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่หยุดอยู่ตรงตาข่ายรังไหมโลหิตกับเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า และอาหู่ที่มาถึงตรงหน้าเขาเอง มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ อันเยือกเย็น
“เยี่ยมมาก ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามแผนการเดิม เจ้าตัดใจทิ้งเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ลง แต่ข้าตัดใจทิ้งลง”
ประกายตาหลินโจวเฉียบคมเย็นเยียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี