พอฟังวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูฉิงต่างใช้สายตาถามไถ่มองเขา
“เป็นวิธีการเดิม ถ้าไม่ลดทอนพลังของอีกฝ่าย ก็ต้องเพิ่มพลังของตัวเอง” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “การลดทอนพลังของอีกฝ่าย คือการคิดหาวิธีแก้ไขแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของวิทยราชข่งซวน”
เมื่อไม่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ถึงข่งซวนจะยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่การคุกคามที่ใกล้เคียงกับอานุภาพระดับมรรคา คิดหาวิธีไม่ออกอีก
ถ้าไม่อาจทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี สำหรับคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคา ข่งซวนในตอนนี้แทบเป็นตัวตนที่ไร้ทางแก้ไข
ยากจะมีวิธีต้านทานท่าน แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่มีสิ่งใดที่ขจัดไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดต้านทาน อย่าว่าแต่ตอนนี้สำนักเต๋ามีคนน้อย ต่อให้ยอดฝีมือรวมตัวกันดุจหมู่เมฆ ก็ยากจะอาศัยจำนวนคนสร้างความได้เปรียบ
มหาเทวะเผ่าปีศาจกลุ่มหนึ่งได้ยืนยันเรื่องนี้แล้ว
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้อาศัยข้อได้เปรียบด้านความเร็วที่แทบเป็นหนึ่งไม่มีสอง จึงค่อยฝืนสร้างสถานการณ์เล่นงานกันและกัน รักษาสมดุลอันอ่อนแอไว้ได้ แต่ว่านี่อยู่ในเงื่อนไขที่ข่งซวนต้องการช่วยคุ้มครองโถงเซียน
หากว่าไม่มีพันธะอะไร เดิมทีเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ลากถ่วงท่านไม่ได้ ข่งซวนคิดไปที่ไหนก็ไปที่นั่น คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคากล้าขวางก็จะถูกท่านใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีจับไว้แล้ว
“แต่นอกจากผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา คิดจะแก้ไขแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของวิทยราชข่งซวน ไม่ใช่เรื่องง่ายดายจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ของวิเศษคุ้มครองร่างที่แข็งแกร่งในตำนานเหล่านั้น ต่างไม่ทราบเบาะแสที่อยู่”
เสวี่ยชูฉิงพึมพำกับตัวเอง “แต่หากบอกว่าเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ไหนเลยง่ายดายปานนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จได้ในคราวเดียว”
นางมองสามีและบุตรชายของตน “อย่างพวกท่านสองคุณชาย เป็นบุคคลหายากไปแล้ว แต่จะมากจะน้อยก็ยังคงต้องการการตกตะกอนของเวลา”
“ไม่ผิด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า “แต่นอกจากพลังการบำเพ็ญของตัวเองแล้ว ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธีอื่นเสียทีเดียว”
เสวี่ยชูฉิงคล้ายนึกอะไรออก จึงมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “เจ้ากำลังพูดถึง ทางสายเหนือพิสุทธิ์…”
“ถูกแล้ว ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน!” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “ต่อให้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของวิทยราชข่งซวนจะแข็งแกร่งกว่านี้ หากกล้าเข้ามาในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนก็เป็นทางตายสถานเดียว”
ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องการคืนชีพของมารน้ำกุ่ยและดินโบ่ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงสู้กับหมู่มารจากนพยมโลก
เนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยพลัดหลงเข้าไปในสถานที่ฝังศพของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ได้รับมรดกของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับมา
เป็นเพราะว่าการไหลของเวลาในร่องรอยทางประวัติศาสตร์แห่งนั้นต่างไปจากโลกภายนอก จึงมอบโอกาสให้อวี่เยี่ยฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญจนสำเร็จ ทั้งบันทึกค่ายกลงทัณฑ์เซียนได้
ต่อมาเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยนำกระบี่ผนึกเซียนมาช่วยเหลือพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ยังทันสู้กับยุทธวิชัยพุทธะ
เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนั้นคับขั้น ทุกคนยุ่งกับการสู้ศัตรู เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่มีเวลาพูดคุยกับเนี่ยจิงเสินและอวี่เยี่ย ไม่ทันได้ฟังพวกเขาเล่าเรื่องราวเมื่อก่อนหน้า ไม่ทันได้บอกข่าวการตายของหลี่อิงกษัตริย์เถา
แต่ว่ายังไม่เอ่ยถึงอย่างอื่น เพื่อรับมือยุทธวิชัยพุทธะที่อยู่ในระดับมหาชาล ต้องกางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน อวี่เยี่ยย่อมทันส่งมอบผังค่ายกลลงทัณฑ์เซียนให้พวกเขา
เยี่ยนจ้าวเกอกับนักพรตอวิ๋นเจิง เดิมทีเป็นคนที่มีระดับค่ายกลสูงส่งที่สุดในฟ้าเหนือฟ้ากับมรกตท่องฟ้า ณ ปัจจุบัน
ความลี้ลับน่าอัศจรรย์ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องศึกษาอย่างละเอียด ค่อยๆ ทำความเข้าใจ ทว่าวันนี้มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอยู่ในมือ ย่อมมีโอกาสสำเร็จสูง
“แต่ว่ารวบรวมเซียนสวรรค์สายเหนือพิสุทธิ์ระดับมหาชาลไม่ครบสี่คน” เสวี่ยชูฉิงไตร่ตรองพร้อมกับกล่าว “หากต้องสู้กับยอดฝีมืออย่างวิทยราชข่งซวน ใช้เซียนกำเนิดกางค่ายกลเกรงว่าจะไม่ไหว”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “หรือไม่ก็รวบรวมสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนให้ครบ สามารถกางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง!”
สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนในที่นี้ไม่ใช่สี่ยอดวรยุทธ์มรรคากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ แต่หมายถึงกระบี่เทพของแท้อย่างกระบี่ผนึกเซียน อาวุธพิฆาตที่มีชื่อเสียงสั่นสะท้านในยุคโบราณตอนต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี