เสวี่ยชูฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ขมวดคิ้วถาม “เจ้าสมควรไม่คิดจะสังหารพระพุทธเจ้าของแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างผ่าเผยกระมัง”
“ไม่ปิดบังท่าน ข้าเคยคิดจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “แต่ต่อมารู้สึกว่านั่นโง่เง่าอยู่บ้าง เลยละทิ้งความคิดนี้ไป”
เซียนลี้ลับสำนักเต๋าที่เทียบได้กับพระอรหันต์แห่งศาสนาพุทธคนหนึ่ง คิดสังหารพระพุทะเจ้าแห่งแดนสุขาวดีที่เทียบได้กับเซียนสวรรค์สำนักเต๋า ต่อให้นั่นเป็นพระพุทธเจ้าที่มาจากเส้นทางนอกรีตก็ตาม หากได้ยินความคิดนี้เข้า คงทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อและเห็นว่าโอหังบ้าคลั่ง
กระนั้นเสวี่ยชูฉิงกลับทราบว่า ถ้าหากว่าวางแผนโจมตีตอนอีกฝ่ายไม่ทันเตรียมตัวได้ เยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้าอาจจะทำเรื่องนี้ได้จริงๆ
ตัวอย่างอย่างราชาบันดาลใจวางอยู่ตรงหน้านี้เอง
หลังจากอดทดรอยคอยกายทองมหาเทวะฟื้นฟูปราณกำเนิด สามารถใช้ได้ใหม่ เขากว่างเฉิงในปัจจุบันส่งผลคุกคามตัวตนชั้นมหาชาลจำนวนมากด้วยพลังของคนคนเดียวได้จริงๆ โดยเฉพาะมหาชาลจากเส้นทางนอกรีต
ทุกๆ ครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เสวี่ยชูฉิงอดลอบถอนใจไม่ได้
ถึงแม้ตนเองจะเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของราชันพระพฤหัสบดี หากสืบสาวไปถึงต้นตอยิ่งเป็นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เทวราชแห่งสำนักเต๋า แต่ที่แล้วมานางคิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่คนที่อยู่ด้านข้างตัวเองถึงกับครอบครองพลังเช่นนี้
บางทีตัวเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ได้เดินสู่ระดับนี้ แต่เขาก็มีพลังเช่นนี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ในตอนที่รับมือหมู่มารนพยมโลกยังไม่มี ทว่าหลังจากนั้น กลับพุ่งทะยานขึ้น ไม่อาจใช้สายตาในวันวานมาตัดสินได้อีกต่อไป
แต่เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ พวกเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก
นางพอฟังวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ปั้นสีหน้าจริงจัง มองดูบุตรชาย
คิดจะจุดไฟสงครามระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวขึ้นใหม่ ความจริงไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างน้อยต้องให้พวกเขาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแยกแยะว่า ผลประโยชน์ของการเริ่มสงครามมีมากกว่าค่าตอบแทนต้องจ่ายออกไป ทุกอย่างค่อยมีความเป็นไปได้
โถงเซียนถูกสั่วหมิงจางกับเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดติดต่อกันสองรอบ สูญเสียทหารและแม่ทัพ ปราณกำเนิดเสียหายใหญ่หลวง สุดท้ายไม่อาจชดเชยได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ต่อให้พวกเขาจะชำระล้างโลกซ้อนโลกไปแล้ว และรวบรวมอาณาเขตแดนเซียนทั้งแปดร้อยแห่งของตัวเองกลับมาได้ใหม่ ก็ได้แต่บอกว่าเป็นการตั้งหลักใหม่ ยังอยู่ห่างจากการฟื้นฟูปราณกำเนิดไกลยิ่ง
ปัจจุบันเหลือเพียงเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลแปดคน อย่าว่าแต่เปรียบเทียบกับแดนสุขาวดีบัวขาว ต่อให้เปรียบเทียบกับสภาพสูงสุดของตัวเองในอดีต ก็ถือว่าย่ำแย่กว่าไม่น้อย
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขายังคงอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอยิ่ง
ถ้าหากว่าแดนสุขาวดีบัวขาวมาโจมตีอีกรอบ โถงเซียนย่อมเสียดินแดนไป เล่นฉากเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อนใหม่
ทว่าเป็นเพราะไม่อาจแยกแยะความคิดของวิทยราชข่งซวน แดนสุขาวดีบัวขาวจึงไม่ลงมือวู่วาม จุดไฟสงครามอีกรอบ เพียงหยั่งเชิงและแทรกซึมด้วยความระวังมากกว่าเดิม
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ต่อให้เขาทำให้เทวกษัตริย์โถงเซียนลดลงได้อีก ถึงขั้นที่เข่นฆ่าพระพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกได้ ก็ยากจะทำให้แดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจตัดสินใจลงมืออีกครั้ง เริ่มทำสงครามกันใหม่
นอกเสียจากว่าเขาจะมีแผนการที่สะกดวิทยราชข่งซวนได้
ดังนั้นหากเทียบกับแล้ว ตัวเลือกอีกอย่างความจริงเป็นการสังการยอดฝีมือชั้นมหาชาลของแดนสุขาวดีบัวขาว!
หนำซ้ำเป็นการสังหารที่มีจำนวนมากสุดขีด เข่นฆ่าจนแดนุสขาวดีบัวขาวอ่อนแอกว่าโถงเซียน
เมื่อเป็นแบบนี้ โถงเซียนอาจจะกลายเป็นฝ่ายที่ลงมือก่อนแล้ว
ความคิดนี้คล้ายบ้าคลั่งกว่า แต่หากคว้าโอกาสที่เหมาะสมได้ ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี