ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 16

เมื่อออกมาจากเขตใจกลางหุบเหว แล้วได้รับการกระตุ้นจากปราณพิษอันเข้มข้น เฉาหยวนหลงที่หมดสติอยู่ก็ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ชั่วพริบตาที่ตื่นขึ้นมานั้น ความรู้สึกนึกคิดของเฉาหยวนหลงยังคงหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาของการปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้

สิ่งที่ฉายชัดอยู่ในหัวสมองคือภาพที่โล่ใบหนึ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นปิดฟ้าบังตะวัน จนสุดท้ายก็กระแทกเข้าที่หัวของเขาอย่างจัง

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ประมือกับเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ ในใจของเฉาหยวนหลงก็พลันเดือดพล่าน

แต่เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นในใจแล้ว เวลานี้รู้สึกข้องใจสงสัยมากยิ่งกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอเก่งขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

นี่คือเยี่ยนจ้าวเกอคนเดียวกับในความทรงจำของเขาหรือ?

การพบกันอีกใรครั้งนี้ จริงอยู่ที่วรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอก้าวหน้าไปมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของเฉาหยวนหลง แต่เขาก้าวหน้าไปมากขนาดนี้ กลับทำให้มุมมองของเฉาหยวนหลงผิดเพี้ยนไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อหลุดออกจากห้วงความคิด พลันมีความรู้สึกแสบร้อนเจ็บปวดขึ้นมา ความรู้สึกโกรธแค้นยากที่จะระงับก็ลุกโชนในใจเฉาหยวนหลงอีกครั้ง

เมื่อเขาทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตนเองได้แล้ว เขาก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะคิดไม่ถึงว่าตนเองกับศิษย์ร่วมสำนักจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอขับไล่ออกมาจากเขตใจกลางหุบเหว

เฉาหยวนหลงมองศิษย์สำนักสุริยันที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้า อ้าปากคิดอยากจะเอ่ยวาจา แต่คำพูดทั้งหมดกลับอัดอั้นอยู่ในใจ ไม่อาจส่งเสียงใดๆ ออกมา

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่มีผู้ใดกล้าสบตาเฉาหยวนหลงตรงๆ ในตอนนี้

แม้ว่าจะโดนเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนบาดเจ็บ ฝ่ามือโดนแทงทะลุ ทว่าเฉาหยวนหลงก็ไม่ใช่บุคคลที่พวกเขาจะเข้าไปหาเรื่องได้

เฉาหยวนหลงมีนิสัยที่เข้มงวด และในยามนี้ก็กำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไปทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีก ตนเองได้ซวยแน่

เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้ทุกคนทั้งเคารพทั้งเกรงกลัวเฉาหยวนหลง ทว่าตอนนี้หลงเหลือเพียงความเกรงกลัว ไม่มีความเคารพหลงเหลืออยู่แล้ว

บางคนไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า แต่กลับดูถูกอีกฝ่ายอยู่ในใจ ‘โดนเยี่ยนจ้าวเกอแห่งสำนักเขากว่างเฉิงเล่นงานเสียยับเยินถึงเพียงนั้น ก็เก่งแค่อวดเบ่งต่อหน้าพวกเรานี่แหละ’

‘แน่จริงก็ไปทำอวดต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอสิ ไอ้คนกลัวแข็งรังแกอ่อน!’

‘ที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะแกสู้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ไม่ใช่หรืออย่างไร ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเราคงเป็นฝ่ายไล่พวกนั้นออกไปจากเขตใจกลางหุบเหวแล้ว’

เฉาหยวนหลงสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง พยายามบังคับให้ตนเองใจเย็นลง

มีเพียงชั่วครู่หนึ่งที่เขาอยากจะวิ่งกลับไปสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าจะแพ้จนน่าอับอายมากขนาดนี้ สู้ไปตายเสียตรงนั้นยังดีกว่า แต่พอคิดทบทวนถึงการปะทะกันเมื่อครู่อีกครั้ง ก็ยิ่งทำให้เฉาหยวนหลงเก็บกดมากขึ้นอีก

เพราะเขาพบว่า ต่อให้เขาคิดจะสู้ตายกันไปข้างหนึ่ง ก็คงจะไม่มีทางเป็นอย่างที่เขาหวัง และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องอับอายมากกว่าเก่าอีก

ความห่างชั้นของทั้งสองค่อนข้างมาก หากไม่ใช่ว่าเขามีนิสัยอดทนอดกลั้น ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แล้วล่ะก็ ตอนนี้เขาคงจะรู้สึกสิ้นหวังมากแน่ๆ

“เรื่องที่ศิษย์พี่เซียววานมา พวกเราทุ่มเทเวลาไปตั้งมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เบาะแสมา ไม่สู้พวกเราไปทำเรื่องนั้นกันก่อนดีหรือไม่” ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

อีกครึ่งประโยคหลังที่เหลือ เขากลับไม่ได้เอ่ยออกมา ที่แท้แล้วเขาคิดจะเอ่ยว่า ‘อีกไม่นานศิษย์พี่เซียวก็จะมาที่ปราการมังกรแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยไปหาเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อแก้แค้นก็ได้’

เขาไม่พูดคำพูดนี้ออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้คำพูดของตนเองไปกระทบจิตใจเฉาหยวนหลง

แต่เฉาหยวนหลงเองก็ไม่ใช่คนโง่ จะไม่เข้าใจคำพูดที่อีกฝ่ายจงใจละไว้และความนัยได้อย่างไร

เขากวาดสายตามองศิษย์ร่วมสำนักทุกคนที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดเปิดเผยออกมา แต่เฉาหยวนหลงก็สามารถคาดเดาความคิดที่อยู่ภายในใจของทุกคนได้บ้าง

อย่างไรเสีย เขาเองก็แพ้ยับเยินในการต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอเมื่อสักครู่ แทบจะแพ้เสียจนไม่มีชิ้นดี

หลังจากมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่งแล้ว เฉาหยวนหลงก็ไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความ จึงเอ่ยไปว่า “ดี จัดการเรื่องนั้นกันก่อน”

เขากล่าวจบก็ออกเดินนำไป คนที่เหลือต่างก็พากันถอนหายใจโล่งอกอย่างเงียบๆ จากนั้นถึงเดินตามเขาไป

ใบหน้าของเฉาหยวนหลงไร้ซึ่งอารมณ์ ทว่าภายในใจกลับคล้ายมีคลื่นยักษ์โหมซัด ‘ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอก! จะต้องรีบหาทางบรรลุระดับปรมาจารย์จิตราชั้นนอกโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็จะสามารถฝึกวิชานั้นต่อได้ วิชาที่มีไว้เพื่อยับยั้งมังกรเขียวในชายเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นแม้เจ้านั่นจะบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์จิตราชั้นนอกแล้วเช่นกันก็ไม่เป็นไร’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี