เยี่ยนจ้าวเกอมองไท่อี้จินหยินที่เหมือนเซียนผู้บรรลุมรรคา สิ่งที่คิดถึงกลับเป็นเรื่องราวอื่น
ในผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์สำนักเต๋า ผู้ที่ใจคอเหี้ยมโหดความจริงมีไม่กี่คน
พระโพะสัตว์กวนอิมที่มีปัญญาความเมตตาหลังเข้าสู่พุทธ ครั้งกระโน้นตอนเป็นสือหางจินหยิน เป็นผู้โดดเด่นในนี้
เทวกษัตริย์กว่างเฉิงก้ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
ทว่าคนที่โดดเด่นที่สุด ยังต้องนับไท่อี้จินหยิน
นอกจากใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ผู้ยิ่งใหญ่คนรุ่นก่อนของสำนักเต๋าผู้นี้ สมควรรับคำวิจารณ์หน้าหนาท้องดำได้
…บางครั้งเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่า ผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าผู้นี้ความจริงเป็นแบบอย่างของตัวเอง
พอได้ยินวาจาของไท่อี้จินหยิน เยี่ยนจ้าวเกอก็จิตใจเต้นระทึก
เขามองไท่อี้จินหยิน “หรือว่าจะใช้ราชาเจดีย์สวรรค์มาสังเวยให้มหาเทพสมุทรตรีภพ เพื่อถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง”
มู่จาพอฟังสีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ไท่อี้จินหยินยิ้มเล็กน้อย “ผู้ใดเรียนผูกต้องเรียนแก้”
เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากฉีกกระตุกเล็กน้อย
นาจาแปดเปื้อนความเคียดแค้นชิงชังเพราะกายเซียนบัววิเศษ ถึงจะคืนชีพขึ้นมาได้ แต่จิตใจของตัวเองได้รับผลกระทบ
เกิดให้เขาละศีลสังหาร อาจกลายเป็นปล่อยออกแต่ไม่อาจเก็บได้อีกโดยสมบูรณ์ ความเหี้ยมโหดนิสัยดุร้ายยิ่งสั่งสมยิ่งหนาหนัก
ถึงเวลาเป็นเทพสังหารองค์ใหม่ถือกำเนิดอย่างแท้จริง จดจำเครือญาติไม่ได้ ไม่ใช่ปีศาจไม่ใช่มาร มีเพียงการเข่นฆ่ากระหายเลือดอย่างเดียว
หากแต่ในนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีกรณียกเว้นอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือราชาสวรรค์หลี่ซึ่งสร้างเรื่องทุกอย่างนี้ในตอนนั้น
เปลี่ยนเป็นเทพสังหารที่กระหายเลือดก่อน จากนั้นค่อยจู่โจมสังหารหลี่จิ้งเพื่อแก้แค้น ความเหี้ยมโหดยิ่งมายิ่งเข้มข้น ถึงขั้นอาจบรรลุจุดยอดใหม่
ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าขณะที่นาจายังคงลอยล่องอยู่ในทะเลเลือด เป้าหมายแรกที่ได้พบก็คือหลี่จิ้งซึ่งเป็นที่มาของความเคียดแค้นชิงชัง เช่นนั้นหลังจากสังหารอีกฝ่ายสำเร็จ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นภาพใหม่
ถึงจะเป็นการฆ่าฟัน กระตุ้นจิตแห่งความดุร้ายกระหายเลือดให้พลุ่งพล่านเหมือนกัน แต่นาจาก็อาจกลับสู่สภาวะงุนงงไร้สำนึกในเวลาสั้นๆ ก็ได้
ในเวลานี้เขากลับมีโอกาสฟื้นฟูความกระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง
กระนั้นต้องคอยจับตาดูด้วยว่า ก่อนที่เขาจะกลับสู่สภาวะปกติ ต้องอย่าให้เปื้อนเลือดทำลายชีวิตต่อ
นี่เป็นการคาดคะเนของเยี่ยนจ้าวเกอ วิธีนี้จะใช้ได้หรือไม่ เขาไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย
ทว่าสำหรับวิธีการที่ตอนนี้ใช้ได้ ความเป็นไปได้นับว่าค่อนข้างสูงทีเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่า ด้วยบุคลิกของไท่อี้จินหยิน คงมีการคาดคะเนคล้ายๆ กัน ทั้งยังคิดทำให้เป็นจริงด้วยแน่
แน่นอนว่านี่เป็นแค่การพิจารณาแก้ไขปัญหาของนาจาเท่านั้น
ในนี้มีความยากมากมาย อย่างเช่นจะรับประกันได้อย่างไรว่าหลี่จิ้งจะเป็นเป้าหมายแรกหลังนาจาเป็นอิสระ
“พุทธะกล่าวว่า ท่านไม่ลงนรก แล้วผู้ใดจะลงนรก?” เป็นอย่างที่คาด ไท่อี้จินหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายร่วมเส้นทางหลี่จิ้งเข้าสู่ศาสนาพุทธมาหลายปีปานนี้ จะต้องเข้าใจหลักการนี้ดีแน่ คงจะยินยอมสละชีพเพื่อความถูกต้อง”
มู่จาสีหน้าไม่น่าดู “ฝันไปเถอะ!”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าข้าไม่สนใจจะตีฝีปากกับเจ้า ข้าคิดจะทำอะไร ไม่ต้องให้เจ้าเห็นด้วย” ไท่อี้จินหยินกล่าวอย่างราบเรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอสองมือกอดอก กอดแขนยืนตรง ขณะมองไท่อี้จินหยินกลับรู้สึกหมดคำพูดอยู่บ้าง
ถึงขั้นที่พวกเขาหาวิธีออกจากที่นี่ ไปตั้งใจวางแผนมอบราชาเจดีย์สวรรค์ให้นาจาเปิดมีดได้ ไม่ใช่เดิมพันโอกาสอันน้อยนิดเหมือนไท่อี้จินหยินเมื่อก่อนหน้า
มู่จาก็เข้าใจความหมายที่เมื่อครู่ไท่อี้จินหยินบอกว่าเขาเป็นตัวล่อเช่นกัน
ทว่าเขาไม่คิดจะร่วมมือกับอีกฝ่าย เรียกหลี่จิ้งบิดาของตนมายังที่นี่
ตอนนี้มู่จากรู้สึกขอบคุณที่เยี่ยนจ้าวเกอจับเขาไว้ยิ่ง อย่างนี้พวกหลี่จิ้งก็ค้นหาที่นี่เจอได้ยาก
“เจ้าไม่คิดฟังคำ? ไม่ต้องรีบ” ไท่อี้จินหยินเห็นสีหน้าของมู่จา ก็เดาความคิดคร่าวๆ ของเขาออก พูดเรียบเฉยว่า “เมื่อมีสหายน้อยเยี่ยนผู้นี้คอยช่วยเหลือ ข้าพาศิษย์เล็กออกจากจวนมหาเอกาแห่งนี้ได้ พวกเราไปรอตรงจุดที่สหายน้อยเยี่ยนจับกุมสังหารพวกเจ้าได้ก็พอแล้ว”
ที่นั่นนับได้ว่าเป็นจุดที่หยุดอยู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่นักบวชศาสนาพุทธเช่นพวกมู่จาจะสูญเสียการเชื่อมต่อกับแดนสุขาวดีตะวันตกไป
พวกหลี่จิ้งรุดมาแล้ว สมควรหาอาณาบริเวณแห่งนั้นเจอ
“ขอบอกให้อาจารย์ลุงไท่อี้ทราบว่า บิดากับยอาจารย์ไม่ประมาทเลินเล่อปานนั้น” มู่จาตอบอย่างไม่ลดราวาศอก “อาจารย์ลุงไท่อี้คงจะทราบเรื่องค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับสภาพแวดล้อมด้านนอกในปัจจุบันจากปากของสหายน้อยอิงผู้นั้นแล้ว ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป พวกบิดาย่อมระมัดระวังตัวยิ่ง ไหนเลยจะเหยียบหลุมพรางง่ายดายอย่างนั้น?”
พอพูดอย่างนี้ มู่จาก็มีความรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เรื่องราวได้เสียสุขทุกข์ช่างยากจะคาดคิดจริงๆ
“พวกเขาหาข้าไม่เจอ พวกท่านก็อย่าได้คิดเจอบิดา”
มู่จาแค่นเสียงคำหนึ่ง
ไท่อี้จินหยินกลับไม่เถียงกับเขา เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “สหายน้อยเยี่ยน ฟังสหายน้อยอิงพูดถึงว่า ก่อนหน้าที่เขาจะมาที่นี่ ยังร่วมทางกับสหายร่วมเส้นทางคนอื่น ไม่ทราบติดต่อกับสหายน้อยผู้นั้นได้หรือไม่?”
“ข้าผู้แซ่เยี่ยนได้รับข่าวจากสหายร่วมเส้นทางคนนั้น ค่อยทราบว่าศิษย์น้องอิงหายสาบสูญ จึงมาตามหา” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “สหายร่วมเส้นทางคนอื่นๆ แยกกลุ่มกับข้าเป็นสองทาง ต่างคนต่างหาที่อยู่ของศิษย์น้องอิง ใช้เวลาเล็กน้อย ย่อมติดต่อได้”
ไท่อี้จินหยินพยักหน้า “นี่ประเสริฐสุด”
มู่จาขณะมองพวกเขาสองคนสนทนากัน หัวใจค่อยๆ จมลงสู่ก้นเหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี