บัวเขียวปรากฏ บนแท่นบัวมีแสงตะเกียงสั่นไหวอย่างเลือนราง กลิ่นอายแข็งกล้าสูงส่งแผ่พุ่งไปรอบๆ สะกดความคิดจิตใจของหลงซิงเฉวียน
เป็นนักบวชศาสนาพุทธส่วนหนึ่งปรากฏกาย
หนำซ้ำด้านในยังมียอดฝีมือศาสนาพุทธระดับมหาชาลด้วย
เสียงมนตราคำสวนมนต์อันไพเราะยิ่งใหญ่ดังขึ้น ด้านในความว่างเปล่าคล้ายมีความหอมเติมเต็มสี่ทิศ ในแสงพุทธบริสุทธิ์ราวเครื่องเคลือบ เจดีย์พุทธ ป่าโพธิ์บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ เหมือนกับพุทธเกษตรลงมายังโลก
แต่ว่าในพริบตาต่อมา ภาพแดนสุขาวดีก็พังทลาย
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งสองสายเข้าใกล้จากที่ไกล มาถึงอย่างรวดเร็ว ภายใต้การโจมตีของพวกเขา แสงพุทธเครื่องเคลือบพลันไม่กระจ่างบริสุทธิ์อีก เจดีย์พุทธและป่าโพธิ์ถล่มลง
เยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินปรากฏตัว สยตามองไปยังบัวเขียวหลายดอกนั้นอย่างสงบนิ่ง
ถูกกลิ่นอายของพวกเขาส่งผลกระทบ สภาพพุทธะบนบัวเขียวหลายดอกนั้นเปลี่ยนเป็นชัดเจนมีรายละเอียด ไม่ได้ล่องลอยยากหยั่งคาดเหมือนเดิม
ณ ที่แห่งนั้น ผู้นำถึงกับเป็นสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ที่โด่งดั่งมาเนิ่นนาน
ผู่เสี่ยนจินหยินผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์สำนักเต๋ามีอาจารย์คนเดียวกับไท่อี้จินหยินในยุคโบราณตอนต้น เป็นเซียนสวรรค์มหาชาลผู้มากประสบการณ์ หลังยุคโบราณตอนต้นได้ละทิ้งเต๋าเข้าสู่พุทธ สำเร็จมรรคผลศาสนาพุทธ กลายเป็นสมันตภัทรโพธิสัตว์
ตอนที่พระยูไลยังไม่หลุดพ้น สมันตภัทรโพธิสัตว์กับมัญชุศรีโพธิสัตว์คอยปรนนิบัติอยู่เบื้องซ้ายเบื้องขวาพระยูไล ควบคุมแดนอภิรดีศูนย์กลาง
ภายหลังพระศรีศากยมุณีหลุดพ้น พระศรีอริยเมตไตรยถือกำเนิด แดนอภิรดีศูนย์กลางเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมันตภัทรโพธิสัตว์ออกไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก เร้นกายนับตั้งแต่น้อย ไม่ค่อยมีข่าวคราว
มาถึงยุคสมัยนี้ ตอนเกิดมหาภัยพิบัติ ยังคงเห็นสมันตภัทรโพธิสัตว์ปรากฏบนโลกไม่กี่ครั้ง จนกระทั่งในช่วงเวลาหลายร้อยปีมานี้ แดนสุขาวดีตะวันตกเข้าสู่ทางโลกเคลื่อนไหวใหม่ จึงค่อยมีเงาร่างของสมันตภัทรโพธิสัตว์โผล่มา
ครั้งนี้ได้รับรายงานจากมู่จา หลังจากโยกย้ายกำลังคนในแดนสุขาวดีตะวันตก ก็เป็นสมันตภัทรโพธิสัตว์อาจารย์ของมู่จานำกลุ่มมา
ด้านข้างสมันตภัทรโพธิสัตว์ยืนไว้ด้วยนักบวชศาสนาพุทธตยอื่น ในนี้ยังมียอดฝีมือศาสนาพุทธที่สำเร็จผลพุทธมหาชาลอย่างนรสิงห์พุทธะอยู่ด้วย
ทว่าคนที่ดึงดูดสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ไท่อี้จินหยิน กับหลงซิงเฉวียนเป็นอันดับแรก ยังเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งในกลุ่มคน
เพียงเห็นทั่วทั้งตัวบุรุษผู้นั้นถึงแม้จะมีแสงพุทธใสสะอาดไหลเวียนเช่นกัน แต่มิได้แต่งตัวเหมือนคนอื่น สวมเกราะรบ ใส่มงกุฎอีกาปีกทอง มือซ้ายถือเจดีย์ มือขวาถือกระบี่วิเศษ บุคลิกเรียบร้อย สีหน้าน่าเกรงขาม
เป็นอดีตราชาเจเดีย์สวรรค์แห่งวังเทพ หลี่จิ้ง
เยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินเห็นเขา สีหน้าฉายแววยินดีโดยไม่ได้นัดกัน ต่างระบายลมหายใจ
การเคลื่นอไหวนี้ทำให้สมันตภัทรโพธิสัตว์ นรสิงห์พุทธะกับหลี่จิ้งประหลาดใจเหลือแสน
ทว่าตอนนี้ก็มีของอย่างอื่นดึงดูดความสนใจของพวกเขายิ่งกว่า
ไท่อี้จินหยินนั่งทับฝาอัคคีเทพเก้ามังกรของตัวเอง ฝาอัคคีเทพเก้ามังกรสั่นไหว แสดงถึงความไม่สงบอย่างรุนแรง ด้านใต้คล้ายสะกดอะไรไว้
บนฝาครอบโปร่งแสงนั้นถึงขั้นยังมีกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอถือกระบองสารพัดนึกช่วยสะกดอีกแรง
ใต้ฝาอัคคีเทพเก้ามังกรเป็นอะไรกันแน่ อดทำให้คนสงสัยใคร่รู้ไม่ได้
ยอดฝีมือศาสนาพุทธหลายขั้นใบหน้าฉายแววสงสัย คล้ายนึกอะไรได้
‘ครั้งกระโน้น เหมือนเป็นไท่อี้จินหยินช่วยเดรัจฉานนั่นฝ่าวงล้อม…’ ราชาสวรรค์หลี่เกิดความรู้สึกตกใจจนเนื้อเต้น ‘ถึงเดรัจฉานนั่นจะรับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้รักษา แต่ผ่านไปหลายปี ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่น’
เขาที่แตกตื่นสงสัยมองมู่จาที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับไว้ในมืออีกครั้ง ในใจร้อนรุ่มกว่าเดิม
“พี่ร่วมเส้นทางไท่อี้…” สมันตภัทรโพธิสัตว์เพิ่งจะเอ่ยปากกล่าว ก็เห็นไท่อี้จินหยินที่อยู่ตรงข้ามยิ้ม “สหายร่วมเส้นทางผู่เสี่ยนอย่าเพิ่งรีบ อีกเดี๋่ยวพวกเราค่อยๆ รำลึกความหลัง มาสะสางเรื่องอีกเรื่องหนึ่งก่อน”
ขณะที่พูด เขาก็ถอนการสะกดฝาอัคคีเทพเก้ามังกร
ถึงเจดีย์ทองเหลืองหรูอี้จะดี กระนั้นตอนนี้ได้แต่แสดงผลการตัดสินออกมาเมื่อคนอื่นๆ สู้กับนาจาด้วย
เมื่อเผชิญกับนาจาเพียงเดี่ยวๆ ในมือหลี่จิ้ง กลับยากจะสะกดเขาได้ ได้แต่ฝืนต้านชั่วขณะหนึ่ง
เหมือนกับที่นาจาใช้ร่างแปลงดอกบัวคืนชีพขึ้นมาหลังประสบภัยพิบัติมรณะเป็นครั้งแรกในยุคโบราณตอนต้น แล้วไล่เข่นฆ่าหลี่จิ้นจนขึ้นฟ้าไร้เส้นทางลงดินไร้ประตู วันี้เหมือนกับเป็นวัฏจักรหนึ่ง
สมันตภัทรโพธิสัตว์มองมู่จา ใบหน้าแสดงความจนปัญญา ทว่าก็ได้แต่พยายามสลัดหลุดจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินพร้อมนักบวชศานาพุทธคนอื่นๆ ก่อน ค่อยรุดไปขัดขวางนาจา
ขณะเดียวกัน กลางความว่างเปล่าไหลออกไปมีคนเปล่งฉายาพุทธ
บัวเขียวดอกหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอาณาบริเวณที่มืดมิด บนแท่นบัวนั่งด้วยพุทธะองค์หนึ่ง มีกายเป็นสีน้ำเงิน มือขวาถือธงพาดไปถึงบ่าซ้าย มือซ้ายรองบนตัก
กลับเป็นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยสู้ด้วย
หลังจากท่านโผล่มา ก็คิดจะรับพวกสมันตภัทรโพธิสัตว์ทันที
นักบวชจำนวนของศาสนาพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกมาในครั้งนี้ ระมัดระวังตัวจริงๆ วางแผนไว้หลายชั้น ป้องกันมีคนซุ่มจู่โจมลอบวางแผน
ถึงจะยังติดกับพวกเยี่ยนจ้าเกอไม่มากก็น้อย แต่ก็มีการเตรียมแผนการตามหลังไว้รับมือ
ทว่านี่ยังคงเปล่าประโยชน์
ในเสียงคำรามสั่นสะเทือนแก้วหูแทบฉีก วานรคลั่งสีทองตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากในความว่างเปล่าอีกด้าน คอยรบกวนแผนการของพวกสมันตภัทรโพธิสัตว์กับอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ
เยี่ยนจ้าวเกอออกมาจากจวนมหาเอกา นอกจากติดต่อกับพวกหลงซิงเฉวียนและเมี่ยวเฉินเต้าหยินแล้ว ไหนเลยลืมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของตัวเอง?
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขาแสดงกายทองมหาเทวะอีกร่าง ปราณปีศาจพุ่งสู่ฟ้า โจมตีกระหนาบหน้าหลังกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ลากนักบวชศาสนาพุทธเข้าสู่สงครามโกลาหลในทันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี