ถึงปกติจะดูเหมือนมีความรู้สึกซึมเซาอยู่บ้าง แต่ตลอดทางถึงวันนี้ เจตนารมณ์ของอวี่เย่ย่อมไม่เลว ถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ เหมือนกับคำพูดที่หลงเสวี่ยจี้ซึ่งแทบเหมือนมองดูนางเติบโตขึ้นมา
ทว่าในทางกลับกัน ความแข็งแกร่งกับความแน่วแน่ บางครั้งก็หมายถึงความหัวรั้นและทิฐิ
ความแน่วแน่และความยึดมั่นย่อมแตกต่างกัน แต่ว่าในสถานการณ์พิเศษส่วนหนึ่ง ขอบเขตของทั้งสองอย่างอาจพร่ามัว
ด้วยนิสัยของอวี่เย่ ถึงในการใช้ชีวิตประจำวันจะเรียบง่ายสบายๆ มีเรื่องที่ยึดมั่นอยู่น้อย ทว่าตอนเรียนวรยุทธฝึกฝนกระบี่ ที่แล้วมายึดถือไม่ยอมแพ้ อดทนต่อความอ้างว้างและความลำบากได้
สิ่งที่นางสนใจมีไม่กี่อย่าง แต่ว่าสิ่งที่นางสนใจมักจะต้องใส่ใจอย่างล้ำลึกกว่าคนทั่วไป
เหมือนที่นางครอบครองวิญญาณฟ้าแฝง ปกติดูเหมือนมักเหม่อลอย แต่ว่ายามฝึกวรยุทธกลับมีสมาธิเป็นพิเศษ
ดังนั้นตอนนี้ภายนอกนางยิ่งสงบนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหลงเสวี่ยจี้หรือพวกเยี่ยนจ้าวเกอ และเฟิงอวิ๋นเซิงกลับยิ่งกังวล
เป็นเพราะด้วยนิสัยของอวี่เย่ นั่นมักหมายถึงระลอกคลื่นที่รุนแรงกว่าในใจ
“พวกเราไปดูด้วยกันเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง
หลงเสวี่ยจี้พยักหน้า นำเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงกลับไปในนิวาสสถานแห่งนั้น
ขณะนี้ อวี่เย่นั่งเงียบๆ ถามเกาชิงเสวียน “ท่านยาย ตอนนี้เจ้าแม่อู๋ตังกำลังควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียนหรือ?”
“มิผิด” เกาชิงเสวียนตอบ เจ้าแม่อู๋ตังกับเจ้าแม่อวิ๋นเซียวหลายปีมานี้สับเปลี่ยนกันควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แลกอิสระภาพความปลอดโปร่งในปัจจุบันเพื่อคนในสำนักเต๋าเรา”
อวี่เย่พยักหน้าเบาๆ
เวลานี้นางเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามา ก็พูดขึ้นทันที่ว่า “ศิษย์น้องเยี่ยน ขอบคุณเจ้ามากที่หลายปีมานี้เดินทางเหนื่อยยากเพื่อข้า”
“ศิษย์พี่อวี่อย่าได้เกรงใจ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
อวี่เย่มองเขา “เรื่องที่เกิดขึ้นในหลายปีมานี้ ท่านตาท่านยายเพิ่งเล่าให้ข้าฟัง พวกเขาพูดถึงว่า ศิษย์น้องเยี่ยนยังมีอวิ๋นเซิง ก่อนหน้านี้พวกเจ้า….ได้…”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาที่ก่อนหน้านี้ยังสงบดุจสายน้ำ ในที่สุดบังเกิดระลอกคลื่น
“อืม พวกเราพบศิษย์พี่เนี่ยแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเงียบงันเล็กน้อย แต่ยังพยักหน้า
“ข้าได้ยินท่านปู่พูดถึงการคาดเดาของเจ้าที่บรรพครรภ์ก่อนกำเนิดของเขาจะส่งอิทธิพลต่อสุดยอดมารที่เกิดขึ้นร่วมกับฟ้า” อวี่เย่เสียงเบายิ่ง “ครั้งนี้พบเขา เป็น…เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ยากจะฟันธง” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “รอบๆ ยังมีมารจิตแรกเริ่มกับจอมมารตนอื่นล้อมอยู่ ต่อให้มีจุดพิเศษจริงๆ ก็ไม่เปิดเผยง่ายๆ”
เขามองอวี่เย่ มองหลงซิงเฉวียน เกาชิงเสวียน ยังมีหลงเสวี่ยจี้ และเกาเสวี่ยพอ เอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “ความจริงเมื่อครู่ข้ากำลังพูดกับอวิ๋นเซิงว่า บางทีเราอาจเจรจากับนพยมโลก ทำการหยั่งเชิงดูได้”
“อ้อ?” อวี่เย่ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา
พวเกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสำรวจอวี่เย่ ทางหนึ่งบอกเล่าแผนการของตนง่ายๆ
เมื่อจบแล้ว เขาก็สบตากับดวงตาสองข้างที่สว่างไสวของอวี่เย่ เอ่ยเบาๆ “นี่สำหรับศิษย์พี่อวี่ท่าน ต้องรับความเสี่ยงส่วนหนึ่ง ถ้าหากติดต่อกันจริงๆ ผู้ที่อยู่ตรงหน้าท่านจะเป็นเทพมารที่ขึ้นสู่มหาชาลแล้วตนหนึ่ง”
ความเสี่ยงที่ว่า มิใช่บอกว่าเนี่ยจิงเสินอาจทำร้ายนาง
แต่ว่านางอาจเผชิญกับการยั่วยวนของเทพมารตนหนึ่ง จิตใจมีช่องโหว่วเพียงเล็กน้อย อาจถูกขยายให้ใหญ่ทันที
“ข้าเข้าใจ” อวี่เย่สูดหายใจลึกคำหนึ่ง ค่อยๆ กล่าว “ถ้าข้าไม่ได้เตรียมตัว ข้าจะไม่ไป”
นางหันมองเฟิงอวิ๋นเซิง “เพียงแต่ต้องให้อวิ๋นเซียงรับความเสี่ยงเพื่อข้า ข้ารู้สึกผิดยิ่ง”
“ศิษย์พี่อวี่อย่ากังวล” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มเล็กน้อย “นพยมโลกกับข้า ผู้ใดเสี่ยงมากกว่า ยังไม่แน่นัก ดังนั้นอาจจะเป็นอีกฝ่ายไม่ตอบรับ”
อวี่เย่พ่นลมหายใจออกยาวๆ ปิดสองตา ปรับจิตใจของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี