ในฐานะผู้นำรุ่นเยาว์แห่งเมืองทะเลมรกต ซ่งเฉา คุณชายเจ็ดทะเล หนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุคก็มีความทะนงตนและความมั่นใจในตนเองเช่นกัน เขามีความตั้งใจที่จะประลองวัดฝีมือกับถังหย่งฮ่าวจริงๆ
หากไม่ใช่ถังหย่งฮ่าวกับสวีเฟยจะต้องการประลองเสียให้ได้ ซ่งเฉาจะต้องตัดสินแพ้ชนะกับถังหย่งฮ่าวให้จงได้
ทว่าบัดนี้ เขาเองก็หมดกะจิตกะใจจะเอาเปรียบถังหย่งฮ่าวเช่นกัน
ถ้าหากประมือกับเขาจนพลังสูญสลายมากไป จะส่งผลอย่างหนักต่อการประลองระหว่างถังหย่งฮ่าวกับสวีเฟย เพียงแค่หวั่นเกรงเช่นนี้เท่านั้น ก็อาจทำให้ถังหย่งฮ่าวตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว
ซ่งเฉาหมดอารมณ์จะเอาเปรียบถังหย่งฮ่าว และยิ่งไม่มีทางใช้กระบวนท่าวารีเทียมฟ้าอย่างที่ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอ่ยแน่
หลังจากเห็นว่าถังหย่งฮ่าวตอบตกลงแล้ว ซ่งเฉาก็พยักหน้า “โปรดชี้แนะด้วย”
กล่าวจบ เขาก็ฟาดฝ่ามือหนึ่งออกไปทางถังหย่งฮ่าว ปราณจิตราพลันพรั่งพรู กลายสภาพเป็นโลกลวงตา
เพียงแต่ว่าตนในฐานะจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภา โลกลวงตาอันกลายสภาพมาจากปราณจิตราของซ่งเฉา เทียบกับจอมยุทธ์ขั้นเคียงนภาแล้ว ต้องกระชับจริงแท้ยิ่งกว่า
ไม่เพียงแต่ถังหย่งฮ่าวที่ประจัญหน้าโดยตรง ต่อให้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ที่ชมการประลอง เบื้องหน้าของพวกเขาราวกับปรากฏคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้า โจมตีแสกหน้ามาทางตนเช่นกัน
บัดนี้เบื้องหน้าคล้ายกับเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไร้ขอบไร้เขตจำกัด มีเสียงคลื่นกระทบดังอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย พลังที่พุ่งออกมาดุดันว่องไวยิ่ง
ถังหย่งฮ่าวเผชิญหน้ากับฉากนี้ มือขวาตั้งสองนิ้วชูขึ้นประดุจกระบี่ ใช้พลังแหวกสมุทร แทงกระบี่หนึ่งออกไปด้านหน้า
ประกายกระบี่สีทองสายหนึ่งที่เสมือนกับหันหน้าเข้าหาตะวันขึ้นลอยทอดข้ามท้องฟ้า ลมปราณอันร้อนแผดเผาประหนึ่งดวงอาทิตย์ปกคลุมฝูงชนไว้อย่างฉับพลัน
หนึ่งในเจ็ดวิชาสุริยัน วิชาสืบทอดแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เพลงกระบี่อรุณเบิกฟ้า!
แววตาเยี่ยนจ้าวเกอทอประกายวับวาบ ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนเล็กน้อย
ชายหนุ่มเห็นว่าเมฆหมอกทั่วท้องฟ้าด้านบนกระจายตัวออกไป มีแสงอาทิตย์ส่องทะลุออกมารางๆ จากในชั้นเมฆ
บริเวณปลายนิ้วของถังหย่งฮ่าว มีลำแสงออกมาและพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่ามีบางสิ่งที่แข็งแกร่งก่อตัวอยู่ แสงอาทิตย์บนท้องฟ้าเหนือศีรษะก็รวมตัวไปทางปลายนิ้วถังหย่งฮ่าวอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน!
ชั่วเวลาพริบตาเดียว แสงสว่างโชติช่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งกับแปรสภาพเป็นดวงอาทิตย์ยามอรุณรุ่งที่ค่อยๆ ทะยานขึ้นท้องนภาอย่างอย่างช้าๆ
ภายในอาทิตย์อรุณสีทองอ่อนส่งความร้อนกระจายออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ในโลกหล้าราวกับปรากฏดวงอาทิตย์สองดวงอยู่กลายๆ ดวงหนึ่งอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะ อีกดวงหนึ่งก็อยู่เบื้องหน้าฝูงชนนี่เอง
เดิมทีประกายกระบี่เหมือนกับแสงรุ่งอรุณ อ่อนโยนทว่าไม่อ่อนแอ สว่างจ้าทว่าไม่แผดเผา
กระนั้นในชั่วพริบตาที่แสงอาทิตย์กับมหาสมุทรอันแปรสภาพมาจากปราณจิตราของซ่งเฉาสัมผัสกัน แสงวับวาบนับไม่ถ้วนก็เสียดแทงดวงตาในทันที ประดุจกับคมเข็มและปลายรวงข้าว ประดุจกับลำแสงที่เหมือนกับเข็มบางก็ไม่ปาน ปะทุโครมครามกลายเป็นฝนแสงกลุ่มหนึ่ง กระเจิงออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ
แสงเล็กแหลมสีทองทุกเส้นเมื่อปะทะเข้ากับกระแสน้ำทะเลโดยรอบ ก็เกิดการระเบิดอันรุนแรง
ระเบิดอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด! ระเบิดอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้!
การระเบิดจากการกระทบกันของลำแสงสีทองนับร้อยล้านสายกับมหาสมุทรอันไม่มีที่สิ้นสุด!
มหาสมุทรประหนึ่งกับเมฆดำที่ถูกแสงอาทิตย์ไล่ให้แตกกระจาย พลิกไปมาถอยหลีกลี้ กระจัดกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายกลายเป็นหยดน้ำอันหาขอบเขตไม่ได้ คล้ายกับฝนเทกระหน่ำลงจากฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นหยดน้ำทุกหยดก็ถูกแสงเล็กแหลมสีทองเจาะอีกครั้ง ทยอยแตกร้าวต่อเนื่องกันไป จนในที่ก็สุดหายไปอย่างไร้เงา ไร้ร่องรอย!
เหมือนเช่นแอ่งน้ำบนพื้นดิน ระเหยออกไปจนเกลี้ยงทั้งหมด ด้วยแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา
ถังหย่งฮ่าวเก็บกระบี่พลางลุกขึ้น เขามองซ่งเฉา แล้วเอ่ยด้วยความนอบน้อมจริงใจ “ศิษย์พี่ซ่ง ยอมให้ข้าชนะแล้ว”
ซ่งเฉาไม่ได้เอาเปรียบเขาอย่างแท้จริง ถูกต้องเช่นกล่าวมา พละกำลังและปราณจิตราที่สูญสลายไปของคนทั้งสอง น้อยนิดจนแทบจะไม่ต้องใส่ใจเลยก็ได้ ยิ่งไปว่านั้นคือความเข้าใจบรรลุการแข่งขันชิงชัยในการเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าและท่วงทำนองในวิถีวรยุทธ์
ด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ล้วนสามารถมองออก ว่าแม้พลังฝ่ามือของสวีเฟยจะยังไม่ค่อยสมบูรณ์เช่นต้นฉบับ กระนั้นกลับชัดแจ้งว่ากำจัดจุดเสียในวิชากระบี่อำพันลี้ลับ และเสริมให้มันมีพลังรุดหน้า เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งยวด
นี่คือวิชาวรยุทธ์หนึ่งที่ใหม่หมดจด จัดว่าเป็นวิชาวรยุทธ์ที่สวีเฟยสร้างขึ้นด้วยตนเอง!
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ ทว่าศักยภาพก็น่าตื่นตะลึงยิ่ง
อาหู่พึมพำกับตนเอง “พี่เฟยคาดคะเนพัฒนาวิชาฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง หากสมบูรณ์แบบจนถึงขั้นประสบผลสำเร็จละก็ ภายภาคหน้าเขากว่างเฉิงเกรงว่าจะต้องมียอดยุทธวิชาที่เก้าแล้ว”
สวีเฟยตั้งฝ่ามือขึ้น มองถังหย่งฮ่าวพลางยิ้มสง่า “ลูกไม้เล็กน้อยที่ยามปกติข้าครุ่นคิดด้วยตนเอง ทำให้ทุกท่านขำขันเสียแล้ว แม้ว่าจะยังยากจะเข้าตาผู้ช่ำชอง แต่ว่าศิษย์พี่ถัง ข้าสามารถใช้ทั้งกระบี่และฝ่ามือพร้อมกันได้ วิถีวรยุทธ์อันมีต้นกำเนิดเดียวกัน สามารถแปรสภาพรวมกันผนึกกำลังได้”
ถังหย่งฮ่าวผงกศีรษะอย่างจริงจัง “ขอบคุณศิษย์พี่สวียิ่งที่เตือนสติ”
หลังจากทั้งสองคารวะต่อหน้ากันแล้ว ถังหย่งฮ่าวก็แกว่งมือครั้งหนึ่ง ในฝ่ามือปรากฏกระบี่ยาวส่องแสงสีทอง โชติช่วงทว่าไม่แสบตา ประดุงแสงตะวันยามแรกอรุณ
สวีเฟยยื่นมือคว้าไปข้างหลัง กระบี่ใหญ่สีดำด้ามหนึ่งส่งเสียงมังกรคำรามออกจากฝัก ก่อนจะตกลงสู่มือของเขา ประกายกระบี่เรียบๆ ไร้สีสันพอปรากฏก็หายไป
ทั้งสองคนฝ่ายหนึ่งแสดงวิชากระบี่อำพันลี้ลับ ฝ่ายหนึ่งแสดงเพลงกระบี่อรุณเบิกฟ้า ต่อสู้กันในทันทีทันใด
การประชุมฝ่านภาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการประลองสนามหนึ่งที่มีระดับชั้นสูงที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูสวีเฟยกับถังหย่งฮ่าว ทั้งสองฟาดฟันกระบี่กันไปมา ราวกับพยัคฆ์ประจัญกับมังกร อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าต่อเนื่อง “ล้วนแล้วแต่สมคำร่ำลือ”
เขาหันหน้าไปมองอีกทิศทางหนึ่ง บริเวณนั้น ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นล้วนใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ด้วยความตื่นเต้น มีเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าเช่นปกติตั้งแรกเริ่มจนจบ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เงียบเชียบจนเหมือนกันว่าไม่มีอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสง
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี