ถ้าหากมองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ เผชิญกับทีปังกรพุทธะที่เฝ้าแดนสุขาวดีตะวันตก ยึดครองชัยภูมิสนามเหย้า นาจาคิดจะเอาชนะ ระดับความยากมีไม่น้อย
ถึงนาจาจะมีความสามารถสู้จริงแข็งแกร่งสุดขีด ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของแดนสุขาวดีตะวันตก แต่อย่างมากสุดได้แต่หลบการสะกดและการปราบของแสงพุทธบนแดนสุขาวดีต่อเขา ไม่ถึงกับลดพลังต่อสู้ของตัวเองลง
แต่ว่าเขายากจะตัดการสนับสนุนและการเสริมพลังขอที่นี่ซึ่งมีต่อทีปังกรพุทธะ
ในแดนสุขาวดีตะวันตก การได้รับการเพิ่มระดับของทีปังกรพุทธะ ยังคงดำรงอยู่ในเชิงภววิเสษ
ความสามารถในการปรับตัวของนาจา เพียงทำให้เขาลดความแตกต่างที่สาเหตุด้านชัยภูมินำมาให้แก่สองฝ่ายได้เท่านั้น
ดังนั้นถ้าหากว่าไม่อาจใช้ความพิเศษเอาชนะ ทิศทางสถานการณ์รบไม่เป็นผลดีต่อนาจา
เพราะฉะนั้นตอนนี้ทีปังกรพุทธะถูกกระทำอยู่บ้าง เหตุผลหลักๆ ความจริงอยู่ที่ตัวท่านไม่คิดปะทะตรงๆ กับนาจา ไม่ต้องการจ่ายค่าตอบแทนมากเกินไป ดังนั้นจึงค่อยๆ ลดแรงผลักดันของนาจา
“ชนะยากแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่นนตี๋สบตากัน
ชัยชนะที่นาจาต้องการ ไม่เพียงแต่ชนะหนึ่งกระบวนท่าครึ่งเท่านั้น
เขาคิดสร้างความเสียหายสาหัสให้แก่อีกฝ่าย
ไม่ว่าเพื่อระบายแค้นให้ตัวเอง หรือเพื่อกำจัดคู่แข่งคนหนึ่งให้แก่พระอาจารย์เสวียนตูในการวางหมากบนนพยมโลกต่อจากนี้ ต่างจำเป็นต้องสร้างความเสียหายแก่ทีปังกรพุทธะในระดับหนึ่ง
แต่ว่าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้านาจาไม่มีกระบวนท่าพิเศษอื่น เกรงว่ายากจะสมหวัง
ทีปังกรพุทธะที่อยู่ตรงข้าม อย่างไรก็เป็นหนึ่งในพุทธะที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และผู้เข้มแข็งศาสนาพุทธตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจำนวนไม่กี่คน ย่อมมีพื้นที่ของตัวเอง
ถึงแม้ว่าพอพูดถึงยอดฝีมือมหาชาลที่แข็งแกร่งที่สุด นกยูงตัวนั้นจะกลบยอดฝีมือคนอื่นในศาสนาพุทธจนสูญเสียรัศมี ทำให้หมายเลขสองในปัจจุบันแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกอย่างทีปังกรพุทธะมองไปดูกระอักกระอ่วน มีชื่อไม่สมความจริงอยู่บ้าง
ทว่านั่นเป็นเพราะมหาวิทยราชมยุรีแข็งแกร่งเกินไป มิได้หมายความว่าทีปังกรพุทธะอ่อนแอ
ตอนนี้ท่านควบคุมความได้เปรียบของสนามเหย้าบนแดนสุขาวดีตะวันตก ต่อสู้กับนาจา มาถึงตอนนี้ สร้างสถานะไม่พ่ายแพ้ในระดับใหญ่ได้แล้ว
ผลลัพธ์อย่างแย่สุดคือ ท่านละทิ้งศักดิ์ศรีโดยสิ้นเชิง หุบมุกค้ำทะเลสิบแปดชิ้นป้องกันตัวด้วยพลังทั้งหมด เป็นเต๋าหัวหดป้องกันหนาแน่น
ในสถานการณ์ปัจจุบัน นาจาแทบไม่อาจทำลายการป้องกันชนิดนี้ได้
แสงพุทธแห่งแดนสุขาวดีเสริมพลังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทีปังกรพุทธะที่ผลาญพลังเต็มที่ไม่หวั่นเกรงโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่าภาพแบบนั้นก็ออกจะไม่น่าดูเกินไป
สำหรับนาจาที่ต้องการสร้างความเสียหายให้แก่ทีปังกรพุทธะ ย่อมไม่บรรลุเป้าหมายที่ตนคาด
ทว่าการท้าสู้อย่างนี้ ด้านหนึ่งถูกอีกด้านเล่นงานจนถึงขั้นได้แต่เป็นเต่าหดหัวป้องกันหนาแน่น ไร้เรี่ยวแรงโต้ตอบโดยสิ้นเชิง ผลแพ้ชนะย่อมชัดเจน
ด้วยระดับความหน้าหนาของทีปังกรพุทธะ ถ้าจำเป็นจริงๆ ท่านยินดีเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ป้องกันหนาแน่นถึงที่สุดอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรกล่าวจากรากฐาน สงครามนี้ท่านขอแค่ไม่รับบาดเจ็บ ความจริงก็คือชัยนะ
เป้าหมายกลยุทธ์ของสองฝ่ายไม่เหมือนกัน
นาจาตั้งใจจะโจมตีถึงที่สุดอย่างเดียว เวลาดำเนินต่อไป ทีปังกรพุทธะถึงขั้นใช่ว่าไม่มีโอกาสพลิกกระดาน
แต่ว่าจากสภาพในปัจจุบัน ทีปังกรพุทธะไม่ต้องการได้รับบาดเจ็บแน่นอน แต่ก็ไม่ต้องถึงกับป้องกันถึงขั้นนั้น
ตอนนี้ท่านดูเหมือนตกเป็นรองด้วยการโจมตีของนาจา ทว่ายังคงรับมือได้อย่างเหนียวแน่น สู้กับนาจามีโจมตีมีตั้งรับ มีมามีไป
นาจาย่อมไม่ยินยอม แสดงสามเศียรหกกร ยิ่งสู้ยิ่งเหี้ยมหาญ ยิ่งโจมตียิ่งเร่งร้อน ไม่มอบโอกาสพักหายใจให้แก่ทีปังกรพุทธะ
ขณะเขาใช้แต่ละกระบวนท่า เหมือนกับต่างมีอานุภาพบดขยี้ฟ้าดินเป็นผุยผง
วัดที่ทุกคนอยู่เป็นใจกลางแดนสุขาวดีของทีปังกรพุทธะ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยหลุม เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ เพราะการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย
“มิผิด” หยางเจี่ยนตอบ “กระบวนท่านั้นของนาจา จะใช้ออกมามีเงื่อนไขส่วนหนึ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างพยักหน้าเล็กน้อย
กลับมิใช่หมายความว่าตอนนั้นนาจาจะข่มศัตรูเอาชนะได้
แต่ขอแค่ทีปังกรไม่อาจป้องกันถึงที่สุด แม้จะมีแสงพุทธแดนสุขาวดีเสริมพลัง ผลแพ้ชนะก็ยังคงอยู่ระหว่างสองความเป็นไปได้ นาจาไม่หมดโอกาส
“เช่นนั้นตอนนี้พี่ร่วมเส้นทางกำลังเป็นห่วงอะไรอยู่?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
หยางเจี่ยนแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่สายตายิ่งมายิ่งเคร่งขรึม
“รู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง” หยางเจี่ยนสังเกตสถานการณ์รบ กล่าวเหมือนคิดอะไรได้ “นาจายิ่งมายิ่งร้อนรุ่มแล้ว ตามเหตุผลไม่สมควร”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างขมวดคิ้ว
ด้วยพลังฝึกปรือและขีดความสามารถของหยางเจี่ยน ยังมีระดับความเข้าใจของเขาต่อนาจา มีความรู้สึกเช่นนี้ สมควรมิใช่เป็นลมพัดในถ้ำ[1]
แต่ว่าในเมื่อนาจามีความมั่นใจรับมือกับการป้องกันเหนียวแน่นของทีปังกรพุทธะ เขาใยต้องร้อนใจเล่า?
เป็นเพราะความเกี่ยวข้องกับความได้เปรียบด้านชัยภูมิ ในด้านผลาญพลังอย่างเต็มที่ ทีปังกรพุทธะได้เปรียบกว่า
แต่ว่าตอนนี้เพิ่งเปิดศึกไม่นาน ความได้เปรียบด้านนี้ยังไม่เด่นชัด
นาจาแม้ว่าจะมีนิสัยใจร้อน แต่ก็ผ่านมาร้อยศึก ตามเหตุผลไม่น่าจะบุ่มบ่ามบุกจึงจะถูก
………………..
[1] ลมพัดในถ้ำ หมายถึง ไม่มีต้นสายไปเหตุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี