ถึงจะทราบเจตนาการมาของฉวีซู แต่พอได้ยินเขาเอ่ยปากท้าสู้จริงๆ คนที่อยู่รอบๆ ก็ปั่นป่วนเล็กน้อย
ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีก็เป็นผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลที่สำเร็จผลพุทธะ บำเพ็ญแดนสุขาวีพุทธเกษตรของตัวเองสำเร็จ
ระดับเซียนขั้นสี่ เซียนสวรรค์มหาชาลอยู่ใกล้มรรคา กล่าวได้ว่าพิเศษที่สุด
ร่างเซียนสวรรค์มหาชาล ไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่ง เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิดขึ้นสู่ระดับมหาชาล ความหมายไม่ธรรมดาที่สุด
ฉวีซูถึงจะมาจากเส้นทางนอกรีต แต่ผู้คนยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศ ความแข็งแกร่งของพลังแทบไม่ด้อยไปกว่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกที่สำเร็จพุทธเกษตรเส้นทางหลัก
เขาในฐานะผู้ฝึกกระบี่ ยิ่งเชี่ยวชาญการต่อสู้เข่นฆ่า ทำให้คนตกตะลึง
เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด เป็นเซียนกำเนิดสุญญตา
ตอนนี้กลับเป็นฉวีซูที่อยู่ในระดับมหาชาล ท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอในระดับสุญญตา
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกออาศัยพลังของอาวุธเซียนระดับมหาชาล จู่โจมสังหารอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ เอาชนะนันทิเกศวรติ้งกวง ถึงขั้นที่เมื่อครู่ยังทุบตีจนมารเงาพ่ายแพ้อนาถ พิสูจน์ว่าเขามิอาจเปรียบเทียบกับเซียนกำเนิดสุญญตาทั่วไป แม้ผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลเผชิญกับเขา ก็ยากจะกล่าวว่าเอาชนะได้ง่ายๆ
แต่ว่านั่นล้วนยังนับว่าเป็นพบกันทางคับแคบ มิอาจไม่สู้
ตอนนี้ฉวีซูกลับกระทำอย่างจริงจัง ใช้ร่างมหาชาลท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอในระดับสุญญตาอย่างเป็นทางการ ทั้งยังถ่อมตนยิ่ง
ไม่ว่าสงครามนี้ใครชนะใครแพ้ ถึงขั้นที่ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอรับสู้หรือไม่ ครั้งนี้ฉวีซูก็ละทิ้งศักดิ์ศรีหมดสิ้นแล้ว
เพียงแต่ว่า ขณะมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ คนทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า ภาพในตอนนี้ก็ไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้น
มารจิตแรกเริ่มมองลู่ยาเต้าจวิน “นี่สมควรเป็นครั้งที่สองตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมากระมัง? หลังจากหยางเจี่ยนในยุคโบราณตอนต้นที่ยังเป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ปัจจุบันก่อนหน้านี้คล้ายไม่เคยโผล่มาก่อน”
ลู่ยาเต้าจวินได้ยินก็พยักหน้า ไม่ได้ขานรับ เพียงแต่มองเยี่ยนจ้าวเกอกับฉวีซูด้วยสายตาค้นหา
“วันนี้ไม่สู้ กระบี่ท่านก็ยิ่งมายิ่งทื่อแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอกลับมิได้ใช้ความแตกต่างด้านระดับของทั้งสองฝ่ายปฏิเสธการต่อสู้ เพียงแต่พิจารณาฉวีซูขึ้นลงก่อน บนใบหน้าฉายแววสนอกสนใจ
“ตอนนี้เป็นเวลาที่คมกระบี่ของข้าแหลมคมที่สุด” ฉวีซูตอบตรงไปตรงมา
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวฉะฉาน “ข้าชื่นชมความตรงไปตรงมาของท่าน แต่พวกเราไม่เพียงมิใช่สหาย กลับมีคามแค้น เป็นศัตรูกัน ทำไมข้าจะต้องต่อสู้กับท่านตอนที่ท่านแข็งแกร่งที่สุดด้วย? ในเมื่อท่านยิ่งมายิ่งอ่อนแอ เช่นนั้นท่านยิ่งอ่อนแอ ข้าชนะท่านได้สบายกว่าเดิม ยิ่งผ่านไปยิ่งเป็นผลดีกับข้า ไฉนข้าไม่รอเล่า?”
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับมหาชาลเหมือนกับฉวีซูอย่างเช่นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ มารเงา นันทิเกศวรติ้งกวงหรือไม่ ตัวเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังเป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ไม่รับคำท้าจากเซียนสวรรค์มหาชาลคนหนึ่ง เป็นไปตามหลักการฟ้าดิน
“ข้าอาจชมเชยศัตรูข้า แต่ข้าไม่มีความสนใจจะสนองศัตรู” เยี่ยนจ้าวเกอมองฉวีซูพลางแบมือ
ฉวีซูกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ประสกเยี่ยนไม่มีเหตุผลต้องสนองข้า ข้าไม่มีคำขออื่น เพียงหวังว่าเหตุผลของอาจารย์จะเป็นข้าสะสางด้วยมือตัวเอง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว”
เขาเงยหน้าสบตากับเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าสำเร็จพุทธเกษตร ประสกเยี่ยนยังเป็นเซียนกำเนิด ไม่ว่าประสกเยี่ยนจะมีความพิเศษขนาดไหนในระดับสุญญตา นี่ก็ไม่ยุติธรรมต่อประสกเยี่ยนท่าน”
เขาพูดพลางผุดลุกขึ้นจากดอกบัว กระบี่ที่ตอนแรกวางบนหัวเข่า ถูกเขาโยนไว้บนแท่นบัว ตัวเขากลับกระโดดลงดอกบัว
“ประสกเยี่ยนมีอาวุธเซียนมหาชาลหลายชิ้น ล้วนใช้ได้ ข้าจะอาศัยสองฝ่ามือท้าสู้ท่าน” ฉวีซูกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน”
นาจามีนิสัยทะนงตน ก่อนหน้านี้ได้ยินฉวีซูท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอ ถึงจะมีความมั่นใจในตัวเยี่ยนจ้าวเกอ แต่อดคิดเยาะเย้ยฉวีซูสองสามประโยคไม่ได้
ทว่าตอนนี้ได้ยินคำพูดของฉวีซู สายตาเขาจริงจังขึ้นหลายส่วน
เซียนกำเนิดสุญญตาที่พลังสุดยอดคนหนึ่ง มีอาวุธเซียนระดับมหาชาลอยู่ในมือ โดยเฉพาะยังมีอาวุธเซียนมหาชาลไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้นในมือ ไม่แน่ว่ามิอาจรับมือเซียนสวรรค์มหาชาลที่มีแค่มือเปล่าหมัดเปลือยได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี