อาหู่ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ ‘คุณชาย หากคำพูดนี้ของท่านถึงหูคนตำหนักอัสนีสวรรค์เข้า เกรงว่าพวกเขาต้องเอะอะโวยวายแน่ขอรับ’
ไม่เพียงแต่อัดเสียจื่ออี้ ศิษย์รุ่นเยาว์ผู้โดดเด่นแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์จนจมดินเท่านั้น ยังพูดโพล่งว่าวิชาอัสนีวัฏจักร วิชาลับสืบทอดของสำนักมีข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงอีก เกรงว่าไม่เพียงเฉินหลินและศิษย์อ่อนอาวุโสคนอื่นๆ จะเอะอะโวยเท่านั้น ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ของตำหนักอัสนีสวรรค์คงจะมาหาเรื่องเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ ‘กระบวนท่าอัสนีวัฏจักรท่านี้ ต่อให้เป็นมหาปรมาจารย์ หากพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นที่กำหนด ก็ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องเช่นนั้นแล้วมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสร้างความบอบช้ำภายในเส้นลมปราณของตนเอง ส่วนจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เฉกเช่นเสียจื่ออี้ ต้องบอกว่าฝึกกระบวนท่านี้ได้สำเร็จ นับว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน แต่ก็ใช้ได้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ในเวลาอันสั้นใช้วิชาต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง ถึงไม่ต้องรอให้ผู้อื่นโจมตี ก็ต้องพังทลายลงด้วยตนเอง’
อาหู่ถามด้วยความอยากรู้ว่า ‘เช่นนั้นกระบวนท่าเมื่อครู่ของคุณชายท่าน…’
เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้นอีก ‘นั่นเป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยที่ข้าสร้างขึ้นเองตอนที่ศึกษาเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าอย่างละเอียด ซื่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงต้นแบบนั้น รอให้สมบูรณ์ก่อนเถอะ’
เขาชูมือขวาของตนขึ้นครู่หนึ่ง ‘รายละเอียดในนั้นมีมากมายยิ่ง คราวหลังมีเวลาว่างจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟัง หากเป็นหลักการคร่าวๆ ละก็ นับเป็นปราณจิตราที่มุ่งโคจรเป็นวงกลม หลังจากระเบิดครั้งแรกแล้ว กลับไม่ย้อนกลับไปยังจุดตันเถียน แต่หมุนวนอย่างรวดเร็วภายในเส้นลมปราณที่แขนโดยตรง คล้ายกับตำแหน่งที่คนปล่อยพลังทีเดียว เพียงสร้างพลังจากจุดตันเถียนน้อยชั่วคราว และใช้งานเฉพาะส่วน’ เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย ‘บริเวณที่ข้าเลือกเมื่อครู่ คือจุดเสินเหมินส่วนมือ ใช้จุดลมปราณนี้แปรสภาพเป็นจุดตันเถียนชั่วคราว จุดตันเถียนนี้ไม่เก็บสะสมปราณจิตราแต่อย่างใด เป็นการสร้างศูนย์กลางหนึ่งในการหมุนเวียนปราณจิตราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำเช่นนี้แล้ว ปราณจิตราจะกลายเป็นวงกลม และปลดปล่อยพลังสองครั้งด้วยกลวิธีวัฏจักรเล็ก แต่ไม่เหมือนอัสนีวัฏจักรของตำหนักอัสนีสวรรค์ ที่ย้อนกลับอย่างตรงไปตรงมา’
เมื่ออาหู่ได้ฟังก็เข้าใจทันที ‘เมื่อทำเช่นนี้แล้ว แรงกดดันและความเสียหายต่อเส้นลมปราณก็บรรเทาลงอย่างมาก ขอแค่ผู้ใช้วิชามีพลังเพียงพอ ก็สามารถโจมตีวัฏจักรสาม วัฏจักรสี่ กระทั่งวัฏจักรห้า หรือมากกว่านั้นได้อย่างง่ายดาย!’
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ ‘ไม่ผิด วัฏจักรยิ่งมากเท่าใด ความแน่นอนในกำลังการต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่การจะสังหารคู่ต่อสู้นั้น ความเร็วในการฟื้นพลังเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เหตุผลในการตัดสินแพ้ชนะ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะมีมากมายยิ่ง แต่ยามที่ปัจจัยอื่นห่างชั้นไม่มากนัก ความเร็วในการฟื้นพลังก็ดูเหมือนว่าสำคัญเป็นอย่างมาก’
อาหู่เอ่ย ‘คุณชายขอรับ วิชาที่ท่านเพิ่งพูดถึงเมื่อครู่ เป็นวิชาที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ยังไม่สมบูรณ์ใช่ไหมขอรับ เช่นนั้นหากสมบูรณ์ จะเป็นเช่นไรหรือขอรับ’
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ‘นี่เพิ่งจะเป็นก้าวแรกเท่านั้น หลักการวิชาวรยุทธ์ในใต้หล้ามีเป็นพันเป็นหมื่น แต่ละหลักการล้วนมีประโยชน์เป็นของตัวเอง แต่หลักการใหญ่จะเรียบง่ายที่สุด ยิ่งพัฒนาสูงขึ้นเท่าใด แท้จริงแล้วก็ยิ่งจะมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน หากเป็นการต่อสู้จริงละก็ คงหลีกหนีความรวดเร็วและความแข็งแกร่งไม่พ้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงและแฝงไปด้วยหลักการมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความเป็นจริงล้วนพิจารณาจากสองจุดนี้ พลังสามารถฉีกความว่างเปล่าได้ ความเร็วสามารถเคลื่อนกาลเวลาไปมาได้ สำหรับในบางความหมายแล้ว ก็คือการปรากฎออกมาในรูปแบบหนึ่งที่พลัง ‘มาก’ และมีความเร็ว ‘ว่องไว’’
เขาถอนหายใจพลางพูดว่า ‘ยิ่งสูงขึ้น ก็ยิ่งมีหลักการบางอย่าง ไม่ใช่เรื่องที่พลังและความเร็วจะสามารถบรรยายต่อไปได้ แต่ถ้าหากสูงขึ้นต่อไปอีก หลักการใหญ่กลับสู่พื้น เป็นหลักที่สูงขึ้นไปอีกขั้น หลักการใหญ่กลับสู่จุดเริ่มต้น กลับสู่ความดับสูญ จากนั้นก็ไม่มีอยู่ อดีตหรืออนาคตล้วนไร้ความหมาย’
อาหู่เกิดอาการงุนงงอยู่บ้าง ‘…คุณชายขอรับ?’
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะพลางกล่าว ‘ไม่เข้าใจรึ แท้จริงแล้วหลายสิ่งข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพียงแต่หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษก็เท่านั้นเอง สิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนกระดาษ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าในที่สุดแล้วถูกหรือผิด แต่ความลี้ลับมหัศจรรย์ที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้นั่นเอง ที่ดึงดูดให้พวกเราไม่หยุดสืบเสาะ ศึกษาวรยุทธ์ ด้านหนึ่งถึงแม้ว่าจะสามารถชิงชัยกับผู้คนได้ก็ตาม แต่ในอีกด้านหนึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นการเข้าใจทั้งหมดทั้งมวลของโลกนี้ที่ยังไม่รู้ด้วยเช่นกัน’
อาหู่เกาศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะร่าพลางกล่าว ‘หลักการนี้ ข้าน้อยกลับฟังเข้าใจ’
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่พูดคุยกันอยู่นั้น อีกด้านหนึ่ง เวลานี้คนอื่นต่างก็ค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา สายตาที่มองไปทางชายหนุ่มล้วนร้อนผ่าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เสียจื่ออี้ไม่ใช่ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้ายทั่วไปที่จะสามารถเทียบเคียงได้ ถึงขั้นที่พูดได้ว่า ในบรรดาวีรบุรุษอัจฉริยะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ทั้งหก และจอมยุทธ์สืบทอดหลัก ล้วนไม่ใช่ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้ายคนอื่นๆ จะเทียบเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยโยวฉานแห่งหอคลื่นโหม หรือจะเป็นหลิวเซิ่งเฟิงแห่งเขาไร้พรมแดน ต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
การสืบทอดขุมกำลังอื่นนอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ก็ไม่แน่ว่าจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภาจะสามารถต่อสู้กับเสียจื่ออี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นบุตรแห่งสวรรค์คนนี้ ตอนนี้กลับถูกระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางโจมตีจนพ่ายแพ้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี