ในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอขณะนี้ ภาพฉากที่ปรากฏตรงหน้าไม่ได้มีอยู่จริงแต่อย่างใด ทว่าก่อเกิดมาจาก ‘ความทรงจำ’ ของเสาทางเดินวังเทพ หรือกล่าวได้ว่าเป็นรอยตราแห่งความทรงจำ
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเงาร่างคนเดี๋ยวปรากฏ เดี๋ยวหายไปสายหนึ่งในเส้นสายตา จึงอดจิตใจฮึกเหิมไม่ได้
นี่หมายความว่า มีคนค้นพบเสาทางเดินวังเทพแล้วเช่นกัน
คนผู้นี้เดินมาอย่างแช่มช้า สืบเท้าเรื่อยเปื่อยอยู่ในพายุนิมิตทมิฬ เอ้อระเหยลอยชายราวกับเดินเล่นในลานบ้านกว้างใหญ่ก็ไม่ปาน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็มุ่นคิ้วเล็กหน่อย เพราะหลังจากแยกแยะอย่างถี่ถ้วน เขาค้นพบว่ายามเมื่อคนผู้นี้มาถึง เป็นฤดูกาลที่พายุนิมิตทมิฬในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกรุนแรงที่สุดพอดี
ผู้มาเยือนเอ้อระเหยผ่อนคลายเช่นนี้ ทว่าพลังความสามารถกลับแกร่งกล้า ลึกล้ำไม่เห็นก้นบึ้ง ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยี่ยนจ้าวเกอสังเกตอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่คาดคิดว่าตนเองจะมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้มาเยือนไม่แจ่มชัด
อีกฝ่ายคล้ายกับถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระจ่างกลุ่มหนึ่ง เห็นชัดแจ้งได้แค่เพียงเค้าโครงตรงหน้า และมีรูปร่างลักษณะดรุณีสาวผู้หนึ่ง ทว่ารายละเอียดรูปโฉมและอาภรณ์ที่สวมใส่ขมุกขมัวทั้งผืน
เมื่อเห็นสตรีผู้นี้มาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ หรือควรกล่าวว่ามาถึงเบื้องหน้าเสาหิน นางพลันยื่นมือออกไปลูบผิวเสาหินเบาๆ แล้วจึงถอนใจ แต่เสียงถอนใจนั้นประหนึ่งดังขึ้นในก้นบึ้งจิตใจเยี่ยนจ้าวเกอ ‘การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลกหล้า สิ่งของยังคงเดิมทว่าคนกลับเปลี่ยนแปลงไป…’
ลูกตาดำเยี่ยนจ้าวเกอหดเล็กฉับพลัน เพราะทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของคนผู้นี้ เขากลับรู้สึกไม่เหมือนว่าชมร่องรอยแสงรุ่งโรจน์ย้อนกาลเวลา แต่คนผู้นี้ ราวกับอยู่ในยุคสมัยเดียวกับตนจริงๆ และนางผู้นี้ก็ยืนกระซิบเสียงเบาอยู่ข้างหูตน!
หลังเยี่ยนจ้าวเกอรอฟังสิ่งที่คนผู้นี้กล่าวจนกระจ่าง และแยกแยะจริงเท็จของความหมายในคำพูดของนางอย่างละเอียดแล้ว หัวใจของเขายิ่งเต้นโครมอย่างบ้าคลั่งพักหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลกหล้า สิ่งของยังคงเดิมทว่าคนกลับเปลี่ยนแปลงไป…
เยี่ยนจ้าวเกอสงบสติอารมณ์ของตนเองลง เพ่งมองปรากฏการณ์อันปรวนแปรเบื้องหน้าต่อไป
ดรุณีสาวผู้นั้นลูบไล้ลายริ้วบนพื้นผิวเสาหิน เหมือนกับรำพึงรำพันกับตัวเอง “เส้นทางที่ข้าจะเดินต่อไป สุดท้ายแล้วถูกต้องหรือไม่? ภายภาคหน้า จะมีหน้าไปพบบรรดาผู้อาวุโสแต่ละรุ่นในอดีตได้หรือไม่?”
นางทอดถอนใจแผ่วเบาอีกครั้ง ก่อนจะกดฝ่ามือลง ไม่ได้นำเสาหินไปแต่อย่างใด กลับจะอัดเสาหินให้จมลงไปอีกขั้น ฝังลงไปในทะเลทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเสียด้วยซ้ำไป
ชายหนุ่มตั้งใจมองดู เห็นเหนือศีรษะหญิงสาวผู้นั้น ปม้จะเลือนรางคลุมเครือ แต่ก็คล้ายกับสวมมงกุฎเอาไว้
แสงรุ่งโรจน์หายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าใจเยี่ยนจ้าวเกอกลับไหววูบอีกครั้ง
“หากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ นั่นเหมือนกับว่า…เป็นมงกุฎแห่งจันทรา?” เปลือกตาเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกวูบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ถึงแม้จะไม่เคยเห็นของจริงกับตามาก่อน แต่ภาพแสงสว่างไสวของมงกุฎแห่งจันทรา เยี่ยนจ้าวเกอเห็นมาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง
เครื่องประดับบนศีรษะหญิงสาวผู้นั้น แม้จะหรุบหรู่เห็นไม่แจ่มชัด กระนั้นก็มีเค้าโครงคล้ายคลึงมงกุฎแห่งจันทราอย่างยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง จิตสำนึกฟื้นคืนสติ หลุดออกจากรอยประทับความทรงจำที่ตกทอดมาจากเสาทางเดินวังเทพ
สีหน้าท่าทางเขาเงียบสงบ ความคิดและความรู้สึกนับหมื่นนับพันทยอยผุดขึ้นในสมองอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอค่อยหลุดออกจากภวังค์ เงยหน้าทอดสายตามองออกไป นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย
ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปน้อยนิด ทว่าด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ก็ยังสามารถแยกแยะออกได้อย่างแม่นยำ เว่าสาทางเดินวังเทพเบื้องหน้าเล็กและเตี้ยลงเล็กน้อย
นี่บ่งชี้ว่าการหลอมกลายสภาพเสาทางเดินวังเทพขึ้นอีกขั้นของตน เริ่มก่อเกิดประสิทธิผลแล้ว
เพียงแต่ปรารถนาให้ได้ดั่งใจโดยสิ้นเชิง กลับไม่ได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เช่นตอนหลอมกลายสภาพขั้นแรกในมหาทะเลทรายแดนตะวันตก
การหลอมกลายสภาพคราที่สองนี้ ดูเหมือนจำต้องพิถีพิถันใช้เวลาอยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามือออกไป กดลงบนพื้นผิวเสาหิน จิตใจสั่นไหวเล็กน้อย เสาหินพลันยกสูงขึ้นอยู่บ้างอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นเหมือนเช่นเดิมอย่างไรอย่างนั้น ทำให้มองความผิดปกติที่บังเกิดก่อนหน้าไม่ออก
ทว่าขณะนี้ ไม่เหมือนเช่นก่อนหน้าแล้วอย่างแท้จริง ความสูงยาวเล็กใหญ่ของเสาทางเดินวังเทพนี้ สามารถก่อเกิดความเปลี่ยนอย่างจำกัดได้ตามใจเยี่ยนจ้าวเกอ
ขอบเขตที่เปลี่ยนแปลงได้ของเสาหินเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุดยั้ง ตามการหลอมกลายสภาพที่ลึกซึ้งขึ้นทุกๆ วันด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี