เยี่ยนจ้าวเกอมองดูประตูลวงตาที่อยู่บริเวณศูนย์กลางค่ายกลวิญญาณบานนั้น พลางผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ
การคาดคะเนผลการคิดแก้ไขปัญหาค่ายกลวิญญาณโดยยึดตามลายเส้นเครื่องหยกก่อนหน้านี้ของเขานั้นถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณหลังนี้ นำทางรุดหน้าสู่ดินแดนลับสักแห่งหนึ่งดังคาด
อาหู่ยืนอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “คุณชาย เครื่องหยกก้อนเล็กๆ เช่นนี้ก้อนหนึ่ง ก็สามารถจุความว่างเปล่าแน่นชิดได้อย่างเหลือเชื่อ พาผู้คนรุดสู่มิติต่างโลกได้หรือขอรับ?”
ชายหนุ่มถอนใจครั้งหนึ่ง “โลกก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ วิถีวรยุทธ์เจริญรุ่งเรือง ท่วงทำนองหลักการแต่ละประเภทล้วนถูกคิดทบทวนจนลึกล้ำอย่างยิ่ง”
“ฉะนั้นสถานที่ลี้ลับมหัศจรรย์บางส่วน ก็ถูกรวบรัดให้ง่ายขึ้น จนสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถึงแม้ว่าคนทั่วไปยังคงไม่อาจเข้าใจ แต่เครื่องมือของใช้บางส่วน กลับสามารถใช้ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอผุดลุกขึ้น “อย่างถุงย่อส่วน ความจริงแล้วมันเป็นของที่พบเห็นได้บ่อยช่วงก่อนวิกฤตการณ์ใหญ่”
ขณะพูด เขาเดินไปทางอีกฝั่ง ที่นั่นมีเสาทางเดินวังเทพขนาดมหึมาตั้งสูงตระหง่านเช่นเดิม ราวกับไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
หากแต่เสาหินสูงใหญ่พลันเริ่มหดเล็กลง ตามการกดไปบนพื้นผิวของฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ
สุดท้ายแล้ว เหลือความยาวเพียงแค่ราวๆ หนึ่งฉื่อ ประหนึ่งกระบองสั้นท่อนหนึ่ง ร่วงลงสู่กลางฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ
ไม่จำเป็นต้องตั้งตรง วางราบอยู่ในฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอเช่นนี้แล้วก็ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักอะไร
เยี่ยนจ้าวเกอทุ่มเทไม่หยุดหย่อนตลอดวันตลอดคืน หลอมกลายสภาพเสาทางเดินวังเทพครั้งที่สองได้สำเร็จ
แม้จะยังมีแดนลี้ลับมากมายต้องวิเคราะห์ แต่อย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็สามารถควบคุมขนาดรูปร่างของเสาหินได้คล่องมือแล้ว
“ศิษย์พี่สวี ศิษย์น้องเฟิง รบกวนพวกท่านช่วยข้าดูแลที่นี่สักหน่อย” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยกับสวีเฟยและเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ข้างๆ
สวีเฟยกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างผงกศีรษะ “วางใจได้ จะดูทางหนีทีไล่เจ้าให้ดี”
“ไปเถอะ” หลังจากเก็บเสาทางเดินพระราชวังที่รูปร่างเหมือนกระบองหินเรียบร้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็ลอยตัวขึ้น เดินเหินอยู่ในอากาศ ไปทางประตูแสงโชติช่วงที่เครื่องหยกสาดแสงออกมา
อาหู่เลียนแบบเยี่ยนจ้าวเกอ เดินเหินไปทางประตูนั่น ตามหลังไปพร้อมกับชายหนุ่ม
ทันทีที่เยี่ยนจ้าวเกอผ่านประตูแสงโชติช่วงไป เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายฉีกเป็นเสี่ยงๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง ทว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงทะลุผ่านไปอย่างปกติยิ่ง
เขามองเห็นเบื้องหน้าขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาผืนหนึ่ง ความรู้สึกฉีกขาดหายไปอย่างรวดเร็ว แสงจ้าขาวโพลนกว้างใหญ่เบื้องหน้าเองก็มลายไปไม่พบ
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทัศนียภาพเบื้องหน้าคล้ายกับเขียวขจีทั้งผืน เปี่ยมล้นด้วยความมีชีวิตชีวา
อาหู่ตามหลังเข้ามา มองดูทัศนียภาพเบื้องหน้า พลางจิ๊ปากชื่นชมความมหัศจรรย์ “หากไม่บอกข้าว่านี่คือมิติต่างแดนแห่งหนึ่ง ข้าคงยังนึกว่าอยู่ที่โลกแปดพิภพนะขอรับ”
ทั้งสองราวกับอยู่กลางพงไพรดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง ไกลออกไปมีภูเขาชั้นแล้วชั้นเล่าทอดยาวเป็นพรืดมองเห็นได้อย่างเลือนราง
เมื่อหันกายกลับไปมอง ก็เห็นประตูแสงโชติช่วงบานนั้นตั้งสูงตระหง่านเงียบสงัดอยู่กลางท้องฟ้า
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง เดินหน้าอย่างไม่ทุกข์ร้อน เส้นสายตาสังเกตทั้งสี่ด้านโดยรอบ “ขนาดยังคงมีจำกัด คาดเดาโดยอิงจากค่ายกลวิญญาณที่เปิดประตูบานนั้น รอบนอกดูเหมือนว่าอาจจะอยู่ออกไปไม่กี่ร้อยลี้โดยประมาณ”
“พลังชีวิตช่างอุดมสมบูรณ์เสียนี่กระไร” อาหู่ยิ้มพลางชื่นชม
ชายหนุ่มผงกศีรษะ มิติต่างแดนแห่งนี้คือดินแดนชายขอบที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ใหญ่ หากกลับโชคดีหลบหนีชะตาดับสูญไปได้อย่างไม่คาดคิด
กระนั้นยังคงได้รับการกระทบกระเทือน เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้อย่างกระจ่างชัด ว่าการไหลเวียนปราณวิญญาณของมิติแห่งนี้มีแววเสื่อมโทรมแฝงอยู่
ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกปิดผนึกตลอดมา ยังสามารถรักษาคงอยู่เป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน ครั้นตอนนี้เชื่อมทะลุถึงโลกภายนอก ความเร็วในการเสื่อมโทรมเริ่มยกระดับรวดเร็วฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี