เยี่ยนจ้าวเกอมองเฉินฉีด้วยรอยยิ้ม ฝ่ายเฉินฉีจึงสงบสติ “ไม่ทราบว่าเป็นวรยุทธ์แบบใด คุณชายเยี่ยนจึงได้ประเมินค่าไว้สูงส่งเช่นนี้”
“ฝึกปราณจิตราสำเร็จ ร้อนเร่าดั่งไฟ เผาดินดีให้กลายเป็นดินไหม้ จุดสำคัญคือพลังไฟบ้าคลั่งยิ่ง จอมยุทธ์ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกถึงจะสร้างการทำลายยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเรียบๆ “ตามที่ข้าทราบ ในปัจจุบันนี้ นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกแล้ว ยังไม่เคยวรยุทธ์ปราณจิตราธาตุไฟที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน”
“แต่ในประวัติศาสตร์ ข้ากลับเคยได้ยินมาสองสามวิชา เพียงแต่ตามเหตุผลสมควรหายสาบสูญไปแล้ว อย่างเช่นคัมภีร์มารเผาตะวัน กระบวนท่าเทพมารอัคคีแห่งหัตถ์เทพมารปัญจธาตุ ปราณต่อสู้เผาปฐพี ดาบมารทะลายสุริยัน”
ชายหนุ่มมองเฉินฉี “ข้าทราบว่านอกทะเลมีคนประหลาด มีเรื่องราวน่าอัศจรรย์มากมาย มียอดฝีมือบางคนอาจจะไม่อยากเผยตัวให้รู้จักไปทั้งชีวิต เพียงแต่เมื่อลองคิดดูแล้วน่าจะปิดบังสายตาจากเกาะภาพวาดไม่ได้”
เฉินฉีครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อาจารย์น่าจะรู้เรื่องบ้าง ข้าเดินทางอยู่ภายนอกน้อยครั้ง ไม่อาจให้คำตอบที่ถูกต้องแก่คุณชายเยี่ยนได้ในเวลานี้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไม่นับว่าแปลกอะไร ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบด้วย”
“คุณชายเยี่ยนเกรงใจไปแล้ว” เฉินฉีตอบ
“ศิษย์น้องของข้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทะเลชั้นนอก ถ้าหากสำนักปราชญ์ภาพวาดพบเข้า ได้โปรดช่วยดูแลด้วย ข้าขอขอบคุณล่วงหน้า” ชายหนุ่มย่ำอากาศพร้อมสองมือไพล่หลัง พูดอย่างสบายใจ
ชายวัยกลางคนระบายลมหายใจยาว “คุณชายเยี่ยนใจกว้าง สำนักกว่างเฉิงกับเกาะภาพวาดของข้าแม้จะไปมาหาสู่กันค่อนข้างน้อย แต่ในอดีตผู้ยิ่งใหญ่แห่งกว่างเฉิง ท่านสะเทือนสวรรค์และบุรุษเทียมสวรรค์ ได้สละชีวิตสู้กับปีศาจอัคคีเพื่อโลกแปดพิภพ ปกป้องมวลมนุษยชาติ พวกข้าล้วนรู้สึกนับถือยิ่งนัก”
“ศิษย์จากสำนักของเจ้าเดินทางอยู่ในทะเลชั้นนอก เมื่อเจอปัญหา หากข้ากับเหล่าศิษย์ย่อมต้องช่วยเหลือ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้าขอขอบคุณแทนศิษย์น้องของข้าด้วย”
เขายืนอยู่กลางอากาศ ฝีเท้าไม่ขยับ พลางมองเฉินฉี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ขออภัยด้วยที่เสียมารยาท”
เฉินฉีมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก “เช่นนั้นข้าขอตัว คุณชายเยี่ยน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้ง”
ประกายกระบี่รุ้งเลือนสว่างขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เฉินฉีกลายเป็นรุ้งพาดผ่านฟ้า หายไปในพริบตา
ตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎแสงสายฟ้าสีม่วงและเขียวงสว่างขึ้นแวบหนึ่ง เขาแน่ใจแล้วว่าเฉินฉีจำใจต้องถอยกลับ และไม่ได้พยายามตามหลังเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะกลับหลังออกจากน่านน้ำแถบนี้ ไล่ตามพวกอาหู่ไป
อาหู่ ซือคงจิง และโอวหยางฉีนั่งบนหลังพ่านพ่าน เจ้าหมีสยงเมายักษ์เดินบนทะเลอย่างไม่รีบร้อน ท่าทางเกียจคร้าน เหมือนไม่ได้นอนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พ่านพ่านค่อยกระตือรือร้น ตั้งใจทำงานอย่างจริงจังในทันที
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นความขี้เกียจของมันแล้ว ก็ถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
ชายหนุ่มลูบหัวของมันเล็กน้อย ทำให้พ่านพ่านอ้าปากยิ้มซื่อเหมือนคนก็ไม่ปาน
เขาหันไปมองอาหู่ กล่าวอย่างไม่พอใจ “คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ[1]”
อาหู่ยิ้มซื่อให้เช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกระโดดไปบนหลังของพ่านพ่าน นั่งขัดสมาธิ ก่อนจะมองโอวหยางฉี แล้วถามว่า “อาจารย์ของเจ้าชื่อเฉินฉีหรือ”
โอวหยางฉีตอบ “ถูกต้อง นั่นคืออาจารย์ข้า”
“อะไรกัน เจ้าเข้าสำนักไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อหรอกหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง พลางกล่าวถาม
โอวหยางฉีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ที่ทะเลชั้นนอกไม่ได้สนใจเรื่องนั้นนัก”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ ไม่ได้ถามอะไรต่อ กลับกล่าวเรียบๆ “ต่อจากนี้เป็นต้นไป ข้าขอเชิญเจ้าเป็นแขกที่สำนักสักระยะหนึ่ง ส่วนจะนานเท่าไรนั้น คงต้องดูความต้องการของผู้อาวุโสในสำนัก ข้าขอไม่ก้าวก่าย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี