เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นเหนือรถบรรทุกกรงยักษ์หลายคันพาดไว้ด้วยศาลาพักร้อน
ในศาลาพักร้อนมีคนนั่งอยู่ น่าจะเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจที่รับผิดชอบจัดส่งสัตว์ยักษ์เหล่านี้
บนรถบรรทุกคันหนึ่ง เหนือกรงขังสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด มีสตรีอ่อนวัยผู้หนึ่งนั่งอยู่ในศาลา นางใส่เสื้อผ้าประณีตงดงาม ดวงหน้าดุจภาพวาด แม้การแต่งตัวจะแตกต่าง แต่ใบหน้านางเหมือนซือคงจิงไม่ผิดเพี้ยน
เมื่อคนที่มุงดูอยู่เห็น ‘ซือคงจิง’ ผู้นี้ ต่างก็พากันส่งเสียงโห่ร้องยินดี แสดงให้เห็นถึงความยกย่องถึงขีดสุด
ชายหนุ่มกอดอก ก่อนจะละสายตาไป ‘นอกจากจะลักพาตัว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ไม่เหมาะกับการพูดคุย’
หลังจากเจอเรื่องในอดีตของโอวหยางฉีและฉางนิ่งมาแล้ว ครั้นเห็นคนที่คล้ายกันอีกเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร
ในตอนที่เพิ่งมาถึงโลกลอยน้ำ เขายังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเจอคนที่เหมือนกับซือคงจิงบนโลกใบนี้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะเจอรวดเร็วขนาดนี้
หลังจากได้ตรวจสอบตำราโบราณ อ่านเรื่องประหลาดทางภูมิศาสตร์ รวมถึงการสนทนากับเด็กที่เกิดที่นี่เมื่อครู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ทราบแล้วว่า สถานที่ที่ตนอยู่ในปัจจุบันเป็นอาณาเขตที่อยู่ขอบมุม ซึ่งค่อนข้างห่างไกลความเจริญของโลกลอยน้ำ
สำหรับ ‘ซือคงจิง’ นางนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะทำอะไรกับนาง เพียงแต่ค่อนข้างสนใจสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งที่นางอาจจะครอบครองอยู่
‘ในมหาอำนาจแปดพิภพมีสี่คนที่ทราบแล้ว ไม่รู้ว่าในโลกลอยน้ำจะมีคนเช่นนี้กี่คน’ เยี่ยนจ้าวเกอจำเครื่องหมายบนเสื้อของสตรีผู้นั้นไว้ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
ทุกคนวกกลับไปกลับมาในเมือง พยายามหาข่าวสารเพิ่มอย่างเต็มที่
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอคลำหาทาง ก็ฟังผู้คนสนทนากันไปด้วย ค่อยๆ คุ้นเคยกับภาษาของที่นี่มากขึ้น
“เมืองนี้มีชื่อว่ากาฬสงัด จากที่นี่ไปทางเหนือ จะเป็นเมืองหลวงสินธุเสถียร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศฟู่หรานที่ปกครองดินแดนแห่งนี้” เยี่ยนจ้าวเกอเล่าให้พวกเฟิงอวิ๋นเซิงฟัง “พวกเราไปที่เมืองสินธุเสถียรก่อน จากนั้นค่อยคิดแผนการต่อไป”
เขาเว้นครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าน่าจะพูดภาษาของเมืองลอยน้ำได้พอประมาณแล้ว พอถึงตอนนั้นน่าจะสทนากับจอมยุทธิ์เลือดปีศาจได้”
สวีเฟยกล่าว “ต้องพึ่งเจ้าแล้ว ครั้งนี้พวกเราเท่ากับกลายเป็นคนใบ้”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนเรียนกับข้าก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบ”
อีกฝ่ายครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบกับเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอ ในความทรงจำของข้า มารดาของเจ้าเสว่ยชูฉิงแตกต่างกับจอมยุทธ์เลือดปีศาจของที่นี่มาก วรยุทธ์ที่นางฝึกฝนเป็นแนวทางเดียวกับมหาอำนาจแปดพิภพของพวกเรา”
“นางเริ่มฝึกเหมือนพวกเราหลังจากไปมหาอำนาจแปดพิภพแล้ว หรือว่าจะ…”
เมื่อได้ยินข้อสงสัยของสวีเฟย เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขาในตอนนี้เพียงสงสัยว่า เสวี่ยชูฉิง มารดาของตนอยู่ในโลกลอยน้ำแห่งนี้หรือไม่
บางทีเสวี่ยชูฉิงอาจจะเป็นแขกของโลกลอยน้ำก็ได้
ทุกคนมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เพื่อประหยัดเวลา ผู้ที่มีพังฝึกปรือสูงจึงพาผู้ที่มีพลังฝึกปรือต่ำบินไป
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณแล้ว ปีกเซียนกระเรียนไม่ค่อยมีประโยชน์อีกต่อไป จึงมอบให้อาหู่
อาหู่ดีใจยิ่ง เขาเก็บไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังกล่าวอย่างร่าเริงว่า “คุณชาย ข้านับว่าเป็นพยัคฆ์ติดปีกหรือไม่ เสือที่มีปีกงอกบนหลังสมควรเรียกว่าเสือวิเศษได้กระมัง”
มุมปากของชายหนุ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย แล้วหัวเราะเสียงกัง “ใช่แล้ว เจ้าเหมือนเสือวิเศษอยู่…”
ทุกคนเดี๋ยวเดินทางเดี๋ยวหยุดพัก รอจนเข้าใกล้เมืองสินธุเสถียรแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจภาษาของโลกลอยน้ำได้คร่าวๆ แม้การออกเสียงยังแปร่งไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เข้าใจคำพูดได้ส่วนใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี