เมื่อได้ยินว่าหลินอวี้เสามีความเป็นไปได้ที่จะสิ้นชีพด้วยวิชาฝ่ามือดุสิตนี้ ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีความรู้สึกเหมือนกับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เหมือนกับที่เหยียนซวี่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนฝ่ามือดุสิต เยี่ยนจ้าวเกอเองก็รู้ว่าท่านผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกท่านนี้ก็ใช้วิชาวรยุทธ์นี้ได้เช่นกัน
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่า ตาเฒ่านั่นน่าจะยังไม่ได้สติฟั่นเฟือน จนถึงขั้นที่จะสังหารหลินอวี้เสาด้วยน้ำมือของตัวเองเพื่อที่จะใส่ร้ายเขา
ถึงกระนั้นแม้เหยียนซวี่จะไม่ใช่ฆาตกร ทว่าคำใส่ร้ายป้ายสีและการแพร่ข่าวลือ เบื้องลึกเบื้องหลังคงขาดเขาไปไม่ได้แน่ๆ
ศพของหลินอวี้เสาถูกพบโดยข้ารับใช้ของเหยียนซวี่ และตอนนี้พวกเขาเองก็เป็นผู้ดูแล หากจะลงมือทำกลอุบายอะไรก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หากไม่ใช่พวกของเหยียนซวี่เป็นคนลงมือ เช่นนั้นจะเป็นผู้ใดที่สังหารหลินอวี้เสากัน
ทันใดนั้นเอง สมองของเยี่ยนจ้าวเกอก็มีภาพคนคนหนึ่งแล่นผ่านเข้ามา
‘ไม่น่าจะใช่หรอก…’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตากลายเป็นเยือกเย็น
‘ยังบอกอยู่เลยว่าจะเล่นงานเจ้าให้หนักสักตั้งแล้วค่อยส่งต่อให้กับทางสำนัก แต่ถ้าเจ้าจะเสียสติถึงขั้นนี้แล้วล่ะก็ ข้าก็จะลดขั้นตอนลง ส่งเจ้าไปเกิดใหม่เลยแล้วกัน’
ไม่นานนัก อาหู่ก็กลับมา เมื่อพบหน้ากันเยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยถามทันที “หาเจ้าเยี่ยจิ่งนั่นพบแล้วหรือยัง”
อาหู่กำมือใหญ่ไว้อย่างรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง “คุณชาย ข้าพยายามเต็มที่แล้ว แม่น้ำใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นทุกสาย ข้าก็ไล่ตามหาไปเป็นร้อยเป็นพันลี้แล้วขอรับ”
“เจ้าเด็กนั่นไม่ได้หนีออกจากแม่น้ำ แต่ถูกพัดไปตามแม่น้ำใต้ดิน จวบจนตอนที่ข้าหาร่องรอยบางอย่างพบ เวลาก็ล่วงเลยไปนานมากแล้ว”
“เขาน่าจะออกจากเขามฤคลับตาแล้ว ถ้าเช่นนั้นฟ้าดินกว้างใหญ่ ข้าจะตามหาตัวเขาก็ยากนัก”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตำหนิอาหู่แต่อย่างใด กลับโบกไม้โบกมือ “หาไม่เจอก็หาไม่เจอ บึงน้ำแข็งนั่นก็พังทลาย แม่น้ำใต้ดินก็ไหลไปคนละทิศละทาง จะโทษเจ้าคงไม่ได้”
“แต่ก็ห้ามหยุด หาต่อไป”
เมื่อได้ยินเรื่องราวของหลินอวี้เสาและข่าวลือที่แพร่สะพัด อาหู่ก็อ้าปากค้าง ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เคยรู้จักกัน จึงมีความรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง “ใครกันที่ทำกับแม่นางหลินได้อำมหิตเช่นนี้”
ทั้งสองคนเดินกลับเข้าไปใกล้ๆ กับกลุ่มคน
อาหู่มองเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความประหลาดใจ
เฟิงอวิ๋นเซิงโบกไม้โบกมือให้กับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ แม้เขาจะรู้สึกงุนงง ทว่าก็โบกมือตอบ
เขาหันกลับไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วยิ้มอย่างซื่อๆ ทีหนึ่ง “แต่ว่าพูดถึงแล้วคุณชายใกล้ชิดกับแม่นางซือคงขนาดนี้…คุณชายคงไม่ได้คิดอะไรใช่หรือไม่ขอรับ”
“ก่อนจะเข้ามาที่เทือกเขามฤคลับตา ก็ไม่เห็นท่านคิดอะไรกับแม่นางซือคง”
“แต่ว่า แม่นางซือคงก็ค่อนข้างงดงามจริงๆ ท่านมีความคิดจะกินนางด้วยหรือไม่ขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาวให้เขาครั้งหนึ่งอย่างขุ่นเคือง
“อีกอย่าง คุณชายขอรับ ท่านไปล่อลวงหญิงงามเช่นนี้จากที่ไหนหรือ” อาหู่แอบเดินเข้าไปใกล้กับเยี่ยนจ้าวเกอ เหล่หางตามองไปทางเฟิงอวิ๋นเซิง แล้วกล่าวขึ้นเสียงเบา “กินแล้วหรือยังขอรับ”
ผู้เป็นนายกลอกตาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปเคาะกะโหลกอาหู่สักครั้ง
เฟิงอวิ๋นเซิงที่อุ้มโร่วโร่ว สุนัขตัวเล็กสีดำที่ตนเองเลี้ยงเอาไว้อยู่ บัดนี้นางหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ยังไม่ได้ถูกเขากินหรอก ข้ายังคงเป็นหญิงที่ไร้คู่ครอง”
“แค่กๆ…” อาหู่ที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอตบศีรษะเมื่อครู่ยังไม่ทันได้กลับมาเป็นปกติ ก็สำลักน้ำลายของตนทันที ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกสองครั้ง “…หญิงสาวยังไม่ออกเรือนสนทนาเรื่องเช่นนี้กับบุรุษ หน้าตาเฉยชาไม่เคอะเขิน ท่าทางสนุกสนานเช่นนี้ก็ได้หรือ”
เฟิงอวิ๋นเซิงลูบขนของโร่วโร่ว ไม่แยแสนัก “หากไม่เป็นเช่นนั้นล่ะ คงถูกผู้ชายพูดจาแทะโลมจนหน้าแดงใจเต้น จนได้ทีขี่แพะไล่ สุดท้ายแล้วไม่หันหลังหนี ถือมืดฟันคน”
“หรือจะให้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำตัวนิ่งเฉย หูทวนลม ปล่อยคนกล่าวหานินทาตามใจ แล้วก้มหน้าก้มตายอมแพ้หรืออย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่นาง เฟิงอวิ๋นเซิงก็ผงกศีรษะให้ “สองปีนี้ตั้งแต่ออกจากสำนัก ข้าไปมาหลายที่ พบเจอคนและเรื่องราวมากมาย”
“ทั้งซ่อนกายในป่า พรางตัวตามเมือง เพื่อหลบหนีการตามจับของพวกเซียวเซิง ป่าลึกเขาใหญ่ที่ข้าเคยอยู่ ระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่ เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ”
ชายหนุ่มหุบยิ้มแล้วส่ายหน้า ส่วนอาหู่มองดูเฟิงอวิ๋นเซิง ยิ้มแหะๆ แล้วยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้นาง
เฟิงอวิ๋นเซิงเองก็ยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้กับอาหู่เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี