ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าใกล้ยอดเขา ใช้มือทาบบนผา แสงสีขาวหนาหนักที่ห่อหุ้มยอดเขาพลันกระเพื่อมเหมือนกับคลื่นน้ำ ปริออกกลายเป็นระลอกคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือซ้ายออกมาเขียนค่ายกลอาคมหลายสายกลางอากาศ ลวดลายอาคมเกาะกลุ่มกันอยู่บนกลางที่ว่างไม่สลาย
หลังจากที่ลวดลายอาคมมากมายประกอบกันกลายเป็นลวดลายค่ายกลที่ลี้ลับซับซ้อนแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็กำมือขวาเป็นหมัดแล้วต่อยออกไป
ลวดลายค่ายกดติดอยู่บนยอดเขาที่เปล่งประกายสีขาวเบื้องหน้า เพราะการกระตุ้นจากเจตจำนงหมัดวรยุทธ์ของเขา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมือไม่หยุดลง กระตุ้นญาณจริงแท้ของตัวเองเพื่อเพิ่มพลังให้กับมัน
ขนาดของยอดเขาค่อยๆ เริ่มเล็กลง ส่วนตราอาคมขนาดมหึมาที่ครอบคลุมอยู่ด้านบนก็หมุนวนเร็วมากขึ้น
จิตพลังของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง บางครั้งเคลื่อนบางครั้งหยุด บางครั้งเร็วบางครั้งช้า มิติที่อยู่รอบๆ ฟ้าดินแห่งนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ในค่ายกลมีพลังที่แข็งแกร่งเริ่มเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติราวกับกำลังตื่นขึ้น
เหมือนกับมีความตั้งใจที่บ้าคลั่งพุ่งออกมาจากด้านใน ข้างหูของเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถึงกับมีเสียงคำรามดังขึ้นอย่างเลือนราง
แต่ว่าหลังจากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของผนึก เจตจำนงที่แผดคำรามนั้นค่อยๆ เริ่มอ่อนแรงลง ถึงแม้จะขัดขืนไม่หยุด ทว่าสภาวะพลังก็เปลี่ยนเป็นลดต่ำ จนกระทั่งหายไป
ยอดเขายิ่งมายิ่งเล็กลง กลับเป็นลวดลายค่ายกลเหนือยอดเขาเริ่มขยายใหญ่อย่างช้าๆ จากนั้นก็รูปร่างของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายก็ค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้นในตอนท้าย
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปในค่ายกล เขาเห็นด้านในแสงสีขาวหนาหนักมีเงาคนสี่คนแยกอยู่กันสี่ด้าน
ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายเปิดออกอีกครั้ง แสงสีขาวหลายสายครอบคลุมฟ้าดินทั้งสี่ทิศ กลายเป็นโลกสีขาว ที่ว่างด้านในและด้านนอกตัดขาดจากกัน
ด้านในโลกแสงสีขาว ยอดเขาแห่งนั้นค่อยๆ สลาย เหลือเพียงตราอาคมเบื้องล่างที่ยังบิดเบี้ยวไม่หยุด
ใจกลางตราอาคมมีจุดสีดำเล็กๆ จุดหนึ่ง มันดูเล็กจิ๋วอย่างยิ่ง แต่กลับมอบความรู้สึกหนักอึ้งถึงขีดสุดให้กับผู้คนเหมือนกับหลุมดำ
ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแวบหนึ่ง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกร่างจมลงด้านล่าง ในมือปรากฏหอกมังกรมัจฉาสีดำทอง
หลังจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกออก ที่ปลายหอกก็ปรากฏจุดสีดำขลับ เหมือนกับม้วนประกายแสงที่อยู่รอบๆ เข้าไปด้วยกัน หนึกอึ้งจนไม่อาจหนักไปกว่านี้ได้อีก
เมื่อหลุมดำขนาดเล็กทั้งสองพบกัน มิติรอบๆ พลันบิดเบี้ยวมากกว่าเดิม ตรงขอบมีความรู้สึกฉีกกระชากอย่างเลือนราง
กลางหลุมดำใจกลางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายมีกลิ่นอายทำลายล้างที่ร้อนแรงส่งออกมา เสียงคำรามที่น่ากลัวนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
ทว่าแสงสีขาวหลายสายก็พุ่งลงด้านล่างสะกดมันไว้ใหม่
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจิ้มปลายหอก หลุมดำทั้งสองหายไปพร้อมกัน
จุดดำเล็กๆ ที่อยู่กลางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายสลายไป เหลือเพียงแต่ตราอาคมแผ่นหนึ่งที่จมลงก้นทะเล
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้มือขวายกหอกขึ้น ผลักฝ่ามือซ้ายลงด้านล่าง คลื่นใต้ทะเลซัดสาด ก่อนจะรวมตัวกันเป็นข่ายอาคม เก็บตราอาคมเอาไว้ด้านใน
และในตอนนี้ ประกายสีขาวที่เปล่งแสงอยู่บนค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายด้านบนก็ค่อยๆ จมลง ค่ายกลพังทลายลงกลางทางอย่างเชื่องช้า
หลังจากแสงสีขาวสลายไปแล้ว เงาคนสี่คนที่แยกกันอยู่สีด้านก็ค่อยๆ ปรากฏรูปร่างขึ้น
เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ ซ่งอู๋เลี่ยงปรากฏตัวขึ้นมา หวงกวงเลี่ยก็ไม่มีข้อยกเว้น
ก่อนหน้านี้ หวงกวงเลี่ยถูกค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายจับไว้ด้านใน ในตอนนี้พลังของค่ายกลสลายไปแล้ว เขากลับไม่ยินดี
ถึงแม้จะติดอยู่ในค่ายกล แต่ทั้งสี่คนก็ยังพอจับการไหลของเวลาได้คร่าวๆ หวงกวงเลี่ยรู้สึกได้ว่ายังห่างจากระยะเวลาสามปีอีกมากนัก
เขากว่างเฉิงย่อมหวังให้ค่ายกลถูกแก้ไขก่อนเวลาเพื่อต้อนรับการกลับมาของเยี่ยนตี๋มากที่สุด
ตราบใดที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่มีวิธีแก้ไข ย่อมหวังให้ทางทะเลตะวันออกรักษาสภาพการณ์ในตอนนี้ต่อไป
ปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ภายในของเผ่ามนุษย์ไม่ต้องพูดถึงชั่วคราว สามคนที่เหลืออยู่ไม่ได้มีแค่หวงกวงเลี่ยคนเดียว เยี่ยนตี๋และซ่งอู๋เลี่ยงต่างติดอยู่ข้างใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี