ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 600

พลังอันบ้าคลั่งฉีกกระชากร่างกายของหวงกวงเลี่ย

แสงสว่างนับไม่ถ้วนสาดออกมจากในร่างของเขา จากนั้นก็ดับลง เหมือนกับดวงอาทิตย์สูญเสียแสงสว่าง กลับคืนสู่ความมืดอนันตกาล ทั้งยังเหมือนกับเทียนไข่กลางพายุที่ดับลงในตอนสุดท้าย

เหมือนกว้างใหญ่ไพศาล แต่กลับเล็กจ้อยไร้คุณค่า

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งบูรพา หวงกวงเลี่ย ‘สุริยันทิศบูรพา’ ที่เคยยิ่งในแปดพิภพมาหลายปี ทั้งยังไม่เคยเห็นใครในสายตา มาวันนี้ได้เสียชีวิตลงที่ทะเลตะวันออก

ส่วนคนที่สังหารเขากลับเป็นคนรุ่นหลานที่ห่างจากเขาสองชั่วรุ่น และในวันนี้ยังมีอายุไม่ถึงสามสิบปี

เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู่เลี่ยงที่มองภาพนี้อยู่ด้านข้าง ในขณะที่รู้สึกยินดี ก็รู้สึกได้ถึงความสับสน

เมืองทะเลมรกตของเขากับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นศัตรูกันมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเลวร้ายกว่าระหว่างสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเขากว่างเฉิงมานาน เรียกได้ว่ามีเจ้าไม่มีข้า ไม่ตายไม่เลิกราอย่างแท้จริง

ทั้งสองฝ่ายสู้กันมาหลายปี มีแพ้มีชนะ โดยรวมเมืองทะเลมรกตจะตกเป็นรอง

ทว่าซ่งอู่เลี่ยงและทั่วทั้งเมืองทะเลมรกตมีนิสัยแข็งกร้าว ไม่ว่าสำนักสุริยันักดิ์สิทธิ์จะแกร่งกว่าหรือไม่ ต่างสู้กับอีกฝ่ายจนถึงที่สุดมาโดยตลอด

ในการต่อสู้กัน เมืองทะเลมรกตก็ได้สร้างวีรกรรมที่ทำให้โลกแปดพิภพเอ่ยถึงมากมาย

ซ่งอู๋เลี่ยงเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับเยี่ยนตี๋ ฟางจุ่น หวงซวี่ และหลินเทียนเฟิง ถึงแม้ว่าจะอายุมาก และเริ่มฝึกฝนเร็วกว่า แต่ก็เป็นยอดฝีมือคนแรกที่เลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ สำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

ลูกศิษย์ของเมืองทะเลมรกตเฉินซู่ถิง เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการแย่งชิงมงกุฎจันทราของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มานาน อีกทั้งยังเคยถอดเขี้ยวจากปากพยัคฆ์ ชนะการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สอง นำมงกุฎจันทรากลับวารีพิภพ

ตำหนักอัสนีสวรรค์ หอคลื่นโหม และเมืองทะเลมรกตต่างแข่งกันวางแผนหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเอง สุดท้ายเมืองทะเลมรกตทำสำเร็จก่อน หลอมสร้างกระบี่สัตยาทะเลมรกตขึ้นมาได้

ถ้าไม่ใช่เพราะการรุกรานของปีศาจอัคคี เรื่องนี้สามารถทำให้พันธมิตรระหว่างสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์เจออันตรายเร็วขึ้น

ทุกคนรวมถึงเจ้าเมืองซ่งอู๋เลี่ยงต่อสู้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด ทำลายขีดจำกัด และปีนป่ายสู่ที่สูงอย่างต่อเนื่อง

ทว่าในตอนนี้ เมื่อจู่ๆ ก็ทราบว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย และหวงกวงเลี่ยยอดฝีมือระดับสุดยอดคนสุดท้ายของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ คู่ต่อสู้ที่ทำให้สำนักของตนต้องระมัดระวังมาโดยตลอดตายลงต่อหน้าตน ทั้งยังตายโดยไร้ข้อสงสัย ก็ทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นซ่งอู่เลี่ยงเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ

เป้าหมายที่สำนักของตนต้องสู้ด้วยมาโดยตลอด ยังไม่ทันจะเป็นจริงก็พลันหายไป คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้เหมือนกับฟองฝัน

ปัจจุบันฟองเหล่านั้นได้แตกออก ทำให้เขาเหมือนกับตื่นจากฝัน ความกระทบกระเทือนที่ซ่งอู๋เลี่ยงและจอมยุทธ์เมืองทะเลมรกตได้รับ พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ถูกทำลายสำนักไปแม้แต่น้อย

และคนที่ทำเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้าซ่งอู๋เลี่ยงนี่เอง

ขณะมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์เกินไป แต่กลับราบเรียบเป็นปกติของเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจของซ่งอู๋เลี่ยงก็เกิดความสับสนเล็กน้อย

หลังจากแน่ใจถึงความตายของหวงกวงเลี่ย และแน่ใจแล้วว่าไม่ต้องกังวลผนึกทะเลตะวันออกที่อยู่เบื้องล่างอีก ครั้นทักทายเยี่ยนจ้าวเกอเสร็จ ซ่งอู่เลี่ยงก็บอกลาเยี่ยนตี๋ทันที

เขาจำเป็นต้องกลับเมืองทะเลมรกต ประชุมกับผู้อาวุโสในสำนัก ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ต่อจากนี้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปในโลกแปดพิภพ

พันธมิตรก่อนหน้านี้ไม่ใช่พันธมิตรอีกต่อไป

หากคิดแข่งขัน กลับรู้สึกแค่ว่าไร้พลัง

ตัวเลือกที่เหลืออยู่เหมือนมีไม่มาก กระนั้นสมควรทำอย่างไรต่อ ซ่งอู๋เลี่ยงต้องใคร่ครวญและพิจารณาให้ดี

พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่าในตอนนี้จิตใจของซ่งอู๋เลี่ยงเกรงว่าจะสับสนเป็นอย่างยิ่ง ย่อมไม่รั้งตัวไว้

ยิ่งไปกว่านั้น การได้พบกันอีกครั้งระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกยังเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี