เยี่ยนตี๋ที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอก็ประหลาดใจเล็กน้อย “มีแผนการ? หมายความว่าอย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเชื่องช้า “พัดกระดาษของเหลียงจื้อเชาแห่งสำนักความมืดที่ได้จากที่นั่น ข้าได้ศึกษาดูอย่างละเอียดแล้ว ถึงแม้การใช้จะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีผลสำหรับคนเดียว สามารถปกป้องคนหลายคนให้ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้ แน่นอนว่าไม่เกินห้าคน”
“ท่านอาจารย์ไม่อยู่ ข้าต้องอยู่ในแปดพิภพ ยังมีใครตามเจ้าไปได้อีก? ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสม่อบอกแล้วว่าเขาไม่คิดจะกลับโลกซ้อนโลกอีก” เยี่ยนตี๋ถาม
ชายหนุ่มกล่าวอย่างใคร่ครวญ “อวิ๋นเซิงไปกับข้าได้”
เยี่ยนตี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ “ครั้งนี้เจ้าไปไม่ได้ไปเที่ยวเล่น หรือได้รับเชิญไปเป็นแขก”
“สถานการณ์ของโลกซ้อนโลกไม่ชัดเจน อีกทั้งยังมีศัตรูอย่างสำนักแสงสว่างคอยจับจ้อง การไปของเจ้าในครั้งนี้ไม่ได้ปลอดภัยนัก การพาศิษย์หลานเฟิงไปด้วยไม่เป็นเรื่องดีต่อตัวนาง”
เขามองบุตรชายอย่างเคร่งขรึม “หลายปีมานี้ ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ใช่คนที่สร้างปัญหาให้ส่วนรวมเพราะเรื่องส่วนตัว เจ้ามีความคิดอะไรหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าย่อมไม่อยากให้อวิ๋นเซิงอยู่ในอันตราย การเดินทางครั้งนี้เพราะเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
เยี่ยนตี๋ถาม “เพื่อมงกุฎจันทราหรือ? เจ้าไปในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสชิงมงกุฎจันทรา”
“นั่นเป็นแค่เรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เป็นตามที่ท่านพูด การไปยังโลกซ้อนโลกในครั้งนี้จะได้แตะต้องมงกุฎจันทราหรือไม่ยังไม่แน่” เยี่ยนจ้าวเกอพูด
“เมิ่งหวานกับมงกุฎจันทราถูกพาไปยังสำนักแสงสว่าง ก่อนที่สำนักแสงสว่างจะชุบเลี้ยงสตรีแห่งจันทราของพวกเขาเอง จะต้องเชื่อมั่นในตัวเมิ่งหว่าน แต่ย่อมไม่ใช้โดยง่าย เมิ่งหวานน่าจะอยู่ที่สำนักแสงสว่างแอบฝึกฝนพร้อมกับมงกุฎจันทรา”
ผู้เป็นบิดาครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ที่เจ้าเร่งร้อนขนาดนี้…เพราะเพื่อของวิเศษดาวทมิฬชิ้นนั้นหรือ? แต่ว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับศิษย์หลานเฟิง?”
เยี่ยนจ้าวเกอกางห้านิ้วดุจดาบ ก่อนจะฟันลง “เรื่องที่ข้าเคยพูดกับท่านก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้หรือไม่”
เยี่ยนตี๋มองการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าปรากฏความเข้าใจ “เจ้าพูดถึงดาบที่ศิษย์หลานเฟิงพกติดตัวหรือ?”
บุตรชายพยักหน้า “เป็นดาบเล่มนั้น ดาบนี้พิเศษยิ่ง ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับแฝงความน่าอัศจรรย์ไว้ หลังจากพลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงที่เป็นเจ้าของเพิ่มขึ้น พลังวิญญาณของดาบเล่มนี้ก็จะเพิ่มตาม”
“ตอนที่ข้าเห็นครั้งแรก มันเป็นแค่อาวุธวิญญาณชั้นต่ำชิ้นหนึ่ง แต่มาถึงตอนนี้ มันกลายเป็นอาวุธวิเศษชั้นสูงไปแล้ว”
“ขนาดข้าอ่านคัมภีร์โบราณ ก็ยังไม่เคยพบของเช่นนี้มาก่อน”
ไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่เยี่ยนจ้าวเกอหลอมสร้างขึ้นเพื่อตัวเองก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งตามพลังฝึกปรือของเขาเช่นกัน
ทว่าการเพิ่มระดับของกระบองไม้ไผ่อันนี้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอหลอมของวิเศษและอาวุธวิเศษมากมาย เพื่อ ‘ป้อน’ ให้มันนับตั้งแต่ยังเป็นอาวุธวิญญาณ
กลับไม่เหมือนดาบยาวสีดำของเฟิงอวิ๋นเซิงที่เพิ่มระดับด้วยตัวเองได้โดยสิ้นเชิง ข้อจำกัดเพียงหนึ่งเดียวก็คือ พลังฝึกปรือของเจ้าของอย่างนาง
เมื่อมาถึงตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่า ถ้าหากเฟิงอวิ๋นเซิงเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ ดาบสีดำเล่มนี้น่าจะเลื่อนเป็นอาวุธวิญญาณ
สิ่งที่ยังไม่แน่ใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ข้อจำกัดในการเพิ่มระดับของดาบเล่มนี้อยู่ที่ไหน
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “ข้าเคยตรวจสอบดาบเล่มนี้มาก่อน กลับไม่มีการค้นพบความพิเศษแต่ประการใด กระนั้นก็แน่ใจได้ว่าดาบเล่มนี้ไม่ได้ค่อยๆ ตื่นขึ้นทีละนิด หลังติดอยู่ในสภาวะหลับไหลเหมือนตราประทับตะวันหรือมงกุฎจันทรา”
“แต่ว่าจะต้องมีความพิเศษและมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาอยู่แน่ๆ กระนั้นในช่วงเริ่มต้นมันน่าจะเป็นแค่ของวิเศษชั้นต่ำไม่ผิดแน่ ต่อมาจึงค่อยๆ ก้าวมาถึงวันนี้”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ตบหน้าผากของตนเบาๆ “แต่ครั้งนี้หลังจากได้เห็นพลังแห่งการกัดกร่อนของดาวทมิฬด้วยตาตัวเอง ข้าก็พลันเข้าใจขึ้นมา สัมผัสได้ถึงเบื้องหลังความน่าอัศจรรย์ของดาบเล่มนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี