ภายใต้การประมือของมหาปรมาจารย์ยอดฝีมือสองคน ธรรมชาติและอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมรอบข้างก็เปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบไกลออกไปทุกสารทิศ
โชคยังดีที่เมืองชมตะวันมีเขตอาคมเป็นของตัวเอง จึงสามารถควบคุมมรสุมที่พวกเขาพามาในขอบเขตที่กำจัดได้
แต่ภายในขอบเขตนี้ สภาพไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
“เขากว่างเฉิงยืนกรานจะเป็นปฏิปักษ์กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ตอนนี้เอง เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นในอากาศของเมืองชมตะวัน
วินาทีถัดมา ดวงอาทิตย์เจิดจ้าดวงหนึ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงนี้ปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์ที่ชายชราชุดทองแปลงกายเป็นนั้น พลันดับความสว่างลงในทันที ส่วนฝ่ามือดุสิตที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟเพลิงสีม่วงอยู่ในฝ่ามือของเหยียนซวี่ ก็แทบจะดับลงไปในวินาทีนั้นเช่นกัน!
เหยียนซวี่เปล่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ เตาโอสถที่หลอมจากไฟของฝ่ามือดุสิต ก็เกิดรอยร้าวขึ้นไปทั่วในชั่วพริบตา ก่อนจะแหลกละเอียดไป
เตาโอสถที่แตกละเอียดกลายเป็นเพลิงลาม ลุกไหม้อยู่กลางอากาศ ทว่าไม่นานก็มอดดับไปเช่นกัน
พระอาทิตย์ดวงที่สองที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น กำลังส่องสว่างแข่งกับพระอาทิตย์ดวงจริงบนท้องฟ้า ชั่วขณะหนึ่งราวกับมีพระอาทิตย์สองดวงกำลังสาดส่องอยู่บนท้องฟ้า เหนือเมืองชมตะวันแห่งอาณาจักรถังตะวันออก
บัดนี้เขตอาคมของเมืองชมตะวันไม่สู้ดีนัก ต่างจากตอนที่เหยียนซวี่เผชิญหน้ากับชายชราชุดทอง
อักขระวิญญาณค่อยๆ สว่างวาบขึ้น จนบิดเบือนไปไม่เหลือเค้าเดิม
ผู้อาวุโสฉินนั่งอยู่กลางตำหนัก คิ้วทั้งสองค่อยๆ เลิกขึ้นมา “มาอวดเบ่งผิดที่เสียแล้ว”
ภายในตำหนักพลันเกิดปราณดาบจำนวนมหาศาลพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า
บริเวณที่ปราณดาบพาดผ่านไป ความรู้สึกร้อนจัดที่เกิดจากพระอาทิตย์ทั้งสองดวงก็พลันลดลงในทันที ทั่วหล้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นสบายขึ้นมาก
ทว่าหลังจากที่เย็นสบายแล้ว ก็กลับกลายเป็นหนาวเย็นจนสุดขั้ว!
ขณะนี้ร่างของผู้อาวุโสฉินปรากฏขึ้นที่ด้านบนของตำหนัก มองดูชายชราในชุดสีทองด้วยดวงตากรุ่นโกรธ
เขาคำรามเสียงต่ำ ลมพลันพัดเมฆคล้อย ผืนดินแผ่นฟ้าบิดเบือน เหมือนกับมีดาบมหึมาไร้รูปร่างเล่มหนึ่ง ฟันไปยังภาพลวงข้างหน้าจนแตกร้าว
รอยร้าวลุกลามไปยังพระอาทิตย์ดวงที่สอง คล้ายต้องการจะทำลายมันให้แตกสลายไป!
“ยอดวิชาแปดพิภพ ดาบเทพผสานปราณอย่างนั้นหรือ?” เสียงทุ้มใหญ่ดังมาจากในดวงอาทิตย์เจิดจ้า
วินาทีถัดมา ดวงอาทิตย์เจิดจ้านั้นไม่หลบกลับ ทั้งยังพุ่งตัวตกลงไปยังตำแหน่งของผู้อาวุโสฉิน
ราวกับอาทิตย์คล้อยอัสดง แสงเจิดจ้าหล่นร่วงสู่พื้น ราวกับต้องการจะเผาโลกมนุษย์ให้สิ้นซาก!
ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งในเจ็ดวิชาสุริยัน วิชาดาบผลาญฟ้าคล้อยประจิม!
บนประกายดาบเจิดจ้าราวกับตะวันที่กำลังตกดิน ทันใดนั้นก็มีสัญลักษณ์เทพขนาดมหึมาสว่างขึ้น ยิ่งใหญ่ราวกับจะปกคลุมทั้งเมืองชมตะวันเอาไว้
ดาบเทพผสานปราณที่ท่านผู้อาวุโสขับเคลื่อน เมื่อปลายดาบไร้รูปร่างฟาดฟ้าผ่าดิน ก็ปรากฏสัญลักษณ์เทพสว่างขึ้นเช่นกัน
พลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อปะทะเข้าด้วยกัน จึงทำให้เมืองชมตะวันราวกับจะแตกสลายออกเป็นผุยผง
ในตอนนี้เอง ณ เมืองชมตะวันก็มีเสียงของราชาอาณาจักรถังตะวันออกดังขึ้นมา “หากท่านทั้งสองจะประมือกันก็เลือกที่อื่นเถิด คิดจะพังอาณาจักรถังตะวันออกของข้าหรืออย่างไรกัน?”
เขตอาคมเมืองชมตะวันพลันส่องสว่างขึ้นในทันที อักขระวิญญาณที่ผสานเข้าด้วยกันก็ยิ่งหลอมรวมชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ครั้นเขตอาคมเริ่มโคจรอย่างเต็มกำลัง พลังก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสฉินหยุดปราณดาบลง แล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “มีคนอยากจะจงใจหาเรื่อง ข้าก็จะเล่นด้วยจนถึงที่สุด คิดจะรังแกเขากว่างเฉิงกันง่ายๆ หรืออย่างไร”
พระอาทิตย์ดวงนั้นหยุดอยู่กลางอากาศ มีเสียงลอดผ่านออกมาว่า “จ้าวซื่อเฉิง เจ้าจะเข้ามาแทรกเรื่องระหว่างข้ากับเขากว่างเฉิงอย่างนั้นหรือ?”
เสียงที่สงบนิ่งของจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกดังขึ้นมาจากเขตอาคมของเมืองชมตะวันว่า “ทะยานบูรพากล่าวหนักเกินไปแล้ว คงไม่ดีนักหากถังตะวันออกของข้าจะเอาตัวเข้าแทรกเรื่องระหว่างทั้งสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“แต่พวกท่านลงไม้ลงมือกันที่เมืองชมตะวัน เกรงว่ายากนักที่ข้าจะแสร้งทำเป็นไม่เห็น”
ภายในตำหนักอาศัย เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง ‘ที่แท้ก็เป็นทะยานบูรพา หนึ่งในเจ็ดสุริยันนี่เอง แต่ในความทรงจำของข้า เขาเพิ่งเปลี่ยนคนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน’
ในช่วงเวลาที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตั้งตัวขึ้นมา มียอดฝีมือที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเจ็ดคน ถูกขนานนามว่า ‘เจ็ดสุริยัน’
ซึ่งนามของพวกเขามีความหมายเดียวกับชื่อวิชาเจ็ดสุริยะ นั่นก็คืออรุณเบิกฟ้า ทะยานบูรพา กลางเวหา จรัสแสง คล้อยประจิม แสงสนธยา และแสงรัตติกาล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี