ฉีเหว่ยสบตากับคังฮูหยิน สีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง
คังฮูหยินครุ่นคิดครู่หนึ่ง โพล่งขึ้นว่า “คนหนุ่มที่ชื่อเยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นไม่ธรรมดาอยู่บ้าง เขาจะมองเรื่องที่เราวางค่ายกลบูชาฟ้าออกหรือไม่?”
“หือ?” ฉีเหว่ยได้ยิน สายตาเย็นชากว่าเดิม
“เด็กน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา” คังฮูหยินพูดอย่างใจเย็น “ตามคำพูดของจิ่นหยวน เขาสนใจในเรื่องตามหาเยว่เป่าฉีของพวกเรามาก เหมือนจะรู้เรื่องบางอย่าง”
ฉีเหว่ยพูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ยิ่งเก็บเขาไว้ไม่ได้ เรื่องค่ายกลบูชาฟ้า คนยิ่งรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี”
คังฮูหยินเอ่ย “ข้าได้รายงานอาจารย์อาทั้งสองท่านแล้ว พวกเขาต่างบอกว่า ทุกสิ่งให้ถือค่ายกลบูชาฟ้าเป็นหลัก”
“เยว่เป่าฉีนั่น เป็นไปได้ว่าจะดึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่มาอีกคน ถือเป็นสิ่งที่ได้มานอกเหนือจากที่คาดไว้ หากจัดการได้เลยย่อมดีที่สุด แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบการแก้ไขปริศนาที่มารดาแห่งแผ่นดินทิ้งไว้ถือเป็นสำคัญที่สุด”
ขณะพูด นางถอนใจคำหนึ่ง “เดิมทีอยากให้ศิษย์น้องเลี่ยวนำเครื่องหอมบรรจุฟ้าไปให้ทางพวกท่านโดยเร็วที่สุด ไม่คิดเลยว่า…”
ฉีเหว่ยพูด “เอาเป็นว่า รีบหาเด็กน้อยแซ่เยี่ยนนั่นให้เจอเถอะ”
…
ในทะเลลึก เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ในวังฝูงมังกร
เหนือศีรษะของเขามีรูปญาณวรยุทธ์ที่เกิดจากการจับตัวกันของจิตวรยุทธ์
รูปญาณวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
จากความโกลาหลไร้ขีดจำกัดในตอนแรก จนถึงเทพร่างยักษ์ที่มีฝ่ามือคลุมฟ้าดินในภายหลัง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคนยักษ์ที่เหยียบบนตัวมังกร มีปราณพิสุทธิ์วนเวียนอยู่ทั่วร่าง
ถึงตอนสุดท้าย กลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง น่าสะพรึงเหลือประมาณ
กระบี่ยาวกลายเป็นความโกลาหลไร้ขีดจำกัดอีกครั้ง หายเข้าไปในศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้น ดวงตาที่กระจ่างใสปั่นป่วนทั่วบริเวณ
เขาจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย ครั้นหันไปมอง เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงเดินออกมาจากส่วนลึกของตัววัง
“สำเร็จเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จะทำลายสถิติในแปดพิภพของบิดาข้าไม่ได้ แต่ก็เร็วมาก ไม่ช้าไปกว่าข้าเลย”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ย “ไม่อาจเทียบกับท่านและอาจารย์อาเจ้าสำนักได้ พื้นฐานไม่ได้แข็งแกร่งเช่นพวกท่าน เพียงได้ประโยชน์จากการอาศัยปราณมังกรในวังฝูงมังกรกับพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “พูดถึงพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก ข้ารู้สึกว่าความจริงเจ้าควรจะดันพลังแห่งจันทร์ดำออกมาด้านนอกร่างกาย แค่รักษาอาทิตย์ยะเยือกไว้น่าจะดีกว่า”
ในตอนนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงเพียงคนเดียวดูดซับพลังของจันทร์ยะเยือกเกือบแปดส่วน เนื่องจากดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก
หรือจะบอกว่าดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกดูดพลังอาทิตย์ยะเยือกเกือบแปดส่วน เฟิงอวิ๋นเซิงเชื่อมโยงชีวิตกับดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก เท่ากับเป็นร่างเดียวกัน
นางไม่ได้ดูดซับพลังแห่งจันทร์ดำเท่าไรนัก ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็ยังมีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ
“ข้ามีความคิดเช่นนี้อยู่พอดี” เฟิงอวิ๋นเซิงพูด “การเข้าฌานฝึกฝนในครั้งนี้มีความรู้สึกอยู่เลือนรางแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มอบให้ข้าแล้วกัน ข้าจะได้ใช้ลับกระบวนท่าที่เพิ่งฝึก”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า นั่งขัดสมาธิลงทันที
ดวงตาของนางเปลี่ยนไป เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน เหมือนกลับกลายเป็นอาทิตย์ยะเยือกสองดวง
ด้านในแสงสีฟ้าอ่อนเปล่งแสงสีดำ ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงสั่นไหว อ้าปากขึ้น แสงสีดำหลายสายพรั่งพรูออกมา จากนั้นก็จับตัวกันเป็นจันทร์ดำสีดำสนิทดวงหนึ่งด้านหน้านาง
แสงจันทร์เหมือนกับกำลังลุกไหม้ ทำให้คนเกิดความรู้สึกแสบร้อน แต่กลับเงียบเหงาวังเวง
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นพลังของจันทร์ดำลอยออกมาจากปากของนาง พยักหน้าเล็กน้อย
นี่อธิบายได้ว่าเฟิงอวิ๋นเซิงวางแผนมาตั้งแต่ต้น ตัดสินพลังฝึกปรือของตนอย่างแม่นยำ ไม่ได้หลอมเปลี่ยนพลังแห่งจันทร์ดำอย่างล้ำลึก แต่แยกเก็บไว้ ครั้งนี้จับตัวกันกลายเป็นไข่มุกขับออกนอกร่างกาย
ชายหนุ่มสั่งความคิด ญาณจริงแท้ของตัวเองกลายเป็นปราณพิสุทธิ์หลายสายแล้วลอยออกมา ม้วนไข่มุกที่อยู่ในลักษณะดวงจันทร์เต็มดวงลูกหนึ่งไว้
ไข่มุกถูกนำไปอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่จุดกลางกระหม่อมของเขาปล่อยสีสันออกมา ภายใต้การขับเน้นโดยแสงสว่าง ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นลอยลงอย่างช้าๆ กำลังจะถูกชายหนุ่มดูดไว้ในร่าง
มาถึงตอนสุดท้าย ลูกตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันหมุนติ้ว ไข่มุกสีดำหยุดสภาวะลอยลง
เฟิงอวิ๋นเซิงงงงัน “มีอันใดไม่ถูกหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี