ผู้พูดไร้ซึ่งเจตนา ทว่าผู้ฟังกลับใส่ใจ
เยี่ยนจ้าวเกอพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กลับทำให้เยี่ยจิ่งที่สุขใจเมื่อได้กลับบ้านรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
แม้ทุกคนจะถูกรัศมีของเยี่ยนจ้าวเกอบดบัง ทว่าก็ยังดูสนุกสนาน การที่พวกเขาได้ออกจากเขากว่างเฉิงมายังเกาะนภาตะวันออก และอาณาจักรถังตะวันออกนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่า แท้จริงพวกเขาก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์เช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นศิษย์แห่งเขากว่างเฉิง หนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของยุคนี้ เดิมทีพวกเขาก็เป็นบุคคลชั้นยอดที่ผ่านการทดสอบคัดเลือกจากสถานที่ทรงอำนาจต่างๆ เฉกเช่นอาณาจักรถังตะวันออก แล้วจะมีใครฝีมือย่ำแย่บ้างเล่า
เพียงแต่ทุกคนจะไม่คิดลำพองใจ เพราะทุกครั้งที่ในใจเกิดความรู้สึกเช่นนั้น แผ่นหลังของบุรุษสวมชุดสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อนอกสีน้ำเงิน ท่าทางสบายๆ ที่อยู่ด้านหน้าสุดผู้นั้น จะทำให้ความลิงโลดในใจของพวกเขาสงบลงได้ทันที
เมื่อลูบอาวุธวิเศษของตนแล้ว ในใจก็ฮึกเหิมเกิดความคิดที่จะมุ่งพัฒนาตนเองให้เก่งกาจยิ่งขึ้น
ทหารองครักษ์ในราชวังแห่งอาณาจักรถังตะวันออก มีเพียงคนที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาผู้ที่มีวรยุทธ์เทียบเท่ากับพวกเขาเท่านั้น ถึงจะมีอาวุธสงครามได้คนละชิ้น…
แน่นอนว่าหากเทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอ พวกเขาไม่มีทางเทียบได้
บุคคลที่เยี่ยนจ้าวเกอจะเข้าพบในตอนนี้ คือราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรถังตะวันออก หนึ่งในสามมหาอำนาจแห่งเกาะนภาตะวันออกที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขากว่างเฉิง ถือเป็นราชาผู้โที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด
ส่วนผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออก ถือเป็นตัวแทนของเขากว่างเฉิง ที่เป็นที่เคารพสูงสุดของอาณาจักร มีตำแหน่งสูงยิ่งกว่าผู้อาวุโสชุย ที่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งลากลงจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้
ถึงแม้ในนอกต่างกัน วรยุทธ์มีสูงต่ำ อำนาจมีมากมีน้อย ทว่าในบทบัญญัติของสำนัก ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจเช่นผู้อาวุโสชุย เมื่อออกจากสำนักมาอยู่ที่เกาะนภาตะวันออก ก็มีหน้าที่คอยคุมการณ์ในเมืองหรือพื้นที่สำคัญ รวมถึงดูแลการขุดค้นและใช้งานทรัพยากรต่างๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสำนักไว้
โดยผู้อาวุโสคุมการณ์จะคอยคุมการณ์อยู่ที่พระราชวัง สำนัก หรือขุมกำลังใหญ่ๆ เป็นที่เคารพร่วมกันของที่แห่งนั้น เพื่อคอยรับประกันผลกระทบจากอิทธิพลของเขากว่างเฉิง และการเก็บเกี่ยวในแต่ละวัน รวมถึงรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
หลังจากที่เข้าเมืองและนัดแนะจุดรวมพลกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าวังไปผู้เดียว ส่วนเยี่ยจิ่งและคนอื่นต่างก็แยกตัวกันออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ในเมืองหลวงของอาณาจักรถังตะวันออก
เยี่ยจิ่งหมดอารมณ์ที่จะเยี่ยมชมบ้านเกิดต่อ จึงเดินเลียบตามริมแม่น้ำที่ตัดผ่านเมืองไปเรื่อยๆ แล้วหยุดยืนอยู่บนสะพานแห่งหนึ่ง พลางก้มหน้ามองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านใต้สะพานไปเพียงลำพังอย่างสงบเงียบ
ซือคงจิงปรากฏกายด้านหลังเขาโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ทว่าเยี่ยจิ่งรู้ตัว จึงกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “ศิษย์พี่”
“กำลังคิดเรื่องเมื่อครู่อยู่หรือ?” ซือคงจิงเอียงศีรษะเล็กน้อย
เยี่ยจิ่งส่ายหน้า “ตอนนั้นข้าคิดว่าเขาต้องการจะโอ้อวด แต่คิดดูออีกครั้งกลับรู้สึกว่าไม่ใช่”
“เช่นนั้นเจ้ากำลังคิดเรื่องอาวุธวิเศษที่ศิษย์พี่เยี่ยนให้ทุกคน?” ซือคงจิงถาม
ตอนที่อยู่ในสำนัก มีเพียงเยี่ยจิ่งที่ไม่ได้หยิบอาวุธวิเศษที่เยี่ยนจ้าวเกอให้ ส่วนสิบห้าคนรวมทั้งซือคงจิงต่างก็เลือกมาคนละหนึ่งชิ้น
“ศิษย์พี่เยี่ยนอาจจะกำลังโอ้อวดอยู่ก็ได้ แต่เขามีสิทธิ์จะทำเช่นนั้น” ซือคงจิงเดินมายืนข้างๆ เยี่ยจิ่ง “อาวุธวิเศษระดับล่างเป็นสิ่งที่ไม่มีความคิดและจุดยืนหรอกนะ และความสำเร็จในอนาคตของข้ากับเจ้า ก็ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธวิเศษเพียงแค่ชิ้นเดียวจะมากำหนดได้ ศิษย์พี่เยี่ยนยุติธรรมกับทุกคน มอบอาวุธให้ทุกคนคนละหนึ่งชิ้น ข้าจะกล้าไม่รับไว้ได้อย่างไร ไว้อนาคตค่อยคืนสิ่งที่ดีกว่านี้ให้เขาก็ได้”
เยี่ยจิ่งพยักหน้า แม้ว่าซือคงจิงจะหยิบอาวุธวิเศษมาชิ้นหนึ่งเหมือนกับทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก
“เจ้าไม่รับไว้อาจจะดูแปลกแยก แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” ซือคงจิงกล่าวต่อว่า “คงมีบางคนที่คิดว่านั่นถือเป็นความหวังดีของศิษย์พี่เยี่ยน เจ้าปฏิเสธก็เท่ากับว่าไม่เจียมตัว แต่ข้ากลับรู้สึกว่าศิษย์พี่เยี่ยนไม่ได้กำลังเอาใจทุกคนอยู่ สายตาที่เขามองเจ้ากับมองข้าไม่แตกต่างอะไรกันเลย”
การที่นางกล่าวเช่นนี้ กลับทำให้เยี่ยจิ่งยิ่งกำหมัดแน่นขึ้น ภาพในอดีตที่เยี่ยนจ้าวเกอพรากคนรักของเขาไป โดยที่ไม่เห็นหัวของเขานั้น ราวกับฉายซ้ำตรงหน้าอีกครั้ง
“เขาคิดอย่างไรข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่ต้องการของของเขา” เยี่ยจิ่งกล่าว น้ำเสียงค่อยๆ สงบลง ก่อนจะเผยความมั่นใจและเชื่อมั่นในแววตา “สำหรับข้าในตอนนี้ อาวุธวิเศษเป็นสิ่งที่ดีแน่อยู่แล้ว แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการฝึกฝนของตัวข้าเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี