เพราะเรื่องการรับเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าสำนัก ทำให้ความบาดหมางระหว่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักข้อขึ้น
บนแผ่นดินถังตะวันออก ความขัดแย้งของทั้งสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แทบจะเปิดเผยออกอย่างสิ้นเชิง มีการปะทะประมือกันในทุกด้านตลอดเวลา
ทำให้คนภายนอกทั่วไปรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรล่ะก็ เกรงว่าเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงจะเปิดศึกสงครามกันไปนานแล้ว
เมื่อออกจากภูมิประเทศอันได้เปรียบของเมืองชมตะวันแล้ว ผู้อาวุโสฉินและทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงประมือกันที่บริเวณใกล้ๆ กับหุบเหวปราการมังกรอีกครั้งหนึ่ง
ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ เพราะการต่อสู้ส่งผลกระทบไปถึงหุบเหวปราการมังกร ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงของที่นั่นเลวร้ายลง ทั้งสองฝ่ายจึงวางมือถอยห่างจากกัน
ในฐานะที่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นชนวนสำคัญในการโต้แย้งกันทั้งสองฝ่าย ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือว่าเขาสำรวมขึ้นไม่น้อย ทั้งยังออกจากที่พักเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ทว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอยังคงใช้ชีวิตผ่านไปอย่างเต็มที่ ไม่สูญเปล่าดังเดิม
ฝึกฝนพัฒนาตัวเอง ศึกษาวิชากลั่นโอสถ วิจัยเตาผลึกหินชั้นใน
นอกจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอยังคอยจับตามองเรื่องที่บอกให้อาหู่คอยสอดส่องดูก่อนหน้านี้อีกด้วย
“คุณชายขอรับ เป็นอย่างที่ท่านคิดเอาไว้จริงๆ” อาหู่ยืนอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ “ตอนนี้เริ่มมีข่าวลือแล้ว ว่าเยี่ยจิ่งกับแม่นางหลินยังตัดเยื่อใยความสัมพันธ์ไม่ขาด เนื่องจากท่านโมโหจึงพลั้งมือสังหารแม่นางหลินเสีย”
“ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยจิ่งประสบกับเคราะห์ร้ายในหุบเหวปราการมังกร ก็เป็นเพราะความอิจฉาตาร้อนของท่าน จึงจงใจลอบทำร้ายเขา”
อาหู่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชายเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ หมายความว่าเยี่ยจิ่งตกอยู่ในมือของเหยียนซวี่แล้วหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนเก้าอี้ นิ้วมือเคาะไปบนโต๊ะเบาๆ ดวงตาหรี่เป็นเส้นตรง “มีความเป็นไปได้สูงมาก”
“เขาไม่ปล่อยข้าให้มีโอกาสได้ยืนยันความจริงกับเยี่ยจิ่งซึ่งๆ หน้าหรอก” เยี่ยนจ้าวเกอพาดขาขึ้นมาไขว่ห้าง “เกรงว่าครั้งนี้เขาคงอยากฆ่าข้าให้ได้จริงๆ”
ตั้งแต่ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาเยือนจนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ฝ่ายเหยียนซวี่ดูสงบเสงี่ยมมากอย่างเห็นได้ชัด
เหยียนซวี่ไม่ได้ตั้งใจอดทนกับเยี่ยนจ้าวเกอ และไม่ได้จ้องจับผิดเขา ช่างปกติเสียเหลือเกิน
มีบางคนคิดว่าเป็นเพราะผู้อาวุโสฉินคอยคุมการณ์อยู่ที่ถังตะวันออกมาโดยตลอด และก็มีบางคนคิดว่าเป็นเพราะการสั่งสอนของผู้อาวุโสฉินก่อนหน้านี้เตือนสติเหยียนซวี่ให้รู้สึกตัว
ทว่าในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอนั้น นี่เป็นความสงบก่อนที่พายุมรสุมจะก่อตัว
หลังจากนั้นจะเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงเสียยิ่งกว่า ก็เหมือนกับคนที่เก็บหมัดคืน แล้วปล่อยออกมาอีกครั้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“เขากำลังรอโอกาสจับปลาในน้ำขุ่น แต่โอกาสเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะมีเสมอไป” อาหู่กล่าว
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขาไร้พรมแดนต่างก็คอยจับตามอง สอดส่องหาโอกาสอยู่ตลอด จะอยู่อย่างสันติคงไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ”
“ทุกๆ คนล้วนแล้วแต่รอโอกาสอยู่”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็หันกลับไปมองอาหู่ “ช่วงนี้ท่านผู้อาวุโสฉินจะอยู่ที่เมืองใกล้ปราการนี้ใช่หรือไม่”
อาหู่ตอบว่า “มีแนวโน้มว่าความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรจะทวีความรุนแรงขึ้น ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ ท่านผู้อาวุโสฉินก็ยังอยู่ที่นี่ขอรับ”
“ทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่บริเวณใกล้ๆ นี้ แต่กลับไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายอีก คงจะระแวดระวังการเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกรเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าจะเข้าฌานสักระยะหนึ่ง นอกเสียจากท่านผู้อาวุโสฉินมีแนวโน้มว่าจะโยกย้าย มิเช่นนั้นอย่ารบกวนข้า”
อาหู่เกาหัว “คุณชายขอรับ ท่านจะเข้าฌานในเวลาเช่นนี้ เป็นเพราะเหตุใดหรือ”
ชายหนุ่มยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
คนอื่นๆ ก็รู้สึกสงสัยกับการตัดสินใจเช่นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้างเช่นกัน
ตอนแรกคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะใช้เตาผลึกหินชั้นในหลอมอาวุธ ภายหลังก็คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าเพื่อฝึกฝนวิชาบางอย่าง
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนกลับพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานครั้งนี้ ระยะเวลาไม่ได้สั้นแค่เพียงสิบวัน หรือครึ่งเดือนเท่านั้น
“เขาคงจะไม่ได้เข้าฌานเพื่อบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายกระมัง”
มีบางคนอดที่จะคาดเดาไม่ได้ และเมื่อพูดคำนี้พูดออกไป คนอื่นๆ ก็พลันตกใจขึ้นมา ก่อนจะพากันส่ายหน้า “จะเป็นไปได้อย่างไร! เขาเพิ่งจะบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางมาได้แค่ครึ่งปีเอง จะบรรลุสู่ขั้นถัดไปรวดเร็วเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน แล้วก็…”
ขณะที่พูดอยู่นั้น กลุ่มคนทั้งกลุ่มก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ แล้ว
เพราะพวกเขาเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ ว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุจากระดับปรมาจารย์ขั้นจิตรานอกชั้นระยะต้นได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็บรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางแล้ว
ความเร็วในการพัฒนาขึ้นเช่นนี้ ไม่สามารถใช้คำว่า ‘น่ากลัว’ สองพยางค์มาบรรยายได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี