เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ด้านนอกบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ มองร่องแยกมิติที่มีประกายแสงสาดส่องไปทั่วสี่ทิศเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ
สายตาเขาเหมือนเพ่งมองไปยังจุดเดียว แต่ความจริงเขาตั้งสมาธิอยู่รอบๆ คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของต้นไม้ใบหญ้าอันน้อยนิด
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่เลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ความสามารถในการสัมผัสทางด้านจิตใจต่างก็ไม่อาจดูแคลน
โดยเฉพาะตัวเขายังฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ความสามารถในการรับรู้จึงแข็งแกร่งกว่าเดิม
การรบกวนจิตใจของอีกฝ่ายหายไปในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดว่าเป็นเพราะความรู้สึกหลอนของตัวเอง
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียว คือมีคนอื่นกำลังทดลองปิดบังการรับรู้ของตนอยู่
อีกฝ่ายอำพรางได้ดีเท่าไร ก็หมายความว่าสถานการณ์อันตรายเท่านั้น
เพราะมันหมายความว่าอีกฝ่ายมีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่า และมีพลังแกร่งกว่า จึงทำให้ความสามารถในการรับรู้ของตนได้รบผลกระทบ
‘คนที่ถูกข้าพบในตอนแรก แสดงความแค้น ความเป็นปฏิปักษ์ และจิตสังหารต่อเราอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงถูกเราพบในทันที’
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเรียบเฉย ไตร่ตรองอย่างรวดเร็วในใจ ‘คนที่รู้จักข้าและมีความแค้นกับข้าอย่างชัดเจน ย่อมไม่ใช่ลูกศิษย์ขององค์ประมุขอาคเนย์ ไม่ใช่คนของหอกระบี่ทะเลเหนือ เกาะมนุษย์สำริด สำนักความมืด’
‘ถ้าไม่ใช่คนขององค์ประมุขอาคเนย์ ก็เป็นคนของสำนักแสงสว่าง คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็เป็นไปได้เช่นกัน’
‘สามารถบิดบังการรับรู้ของข้าได้ แสดงว่าพลังฝึกปรือไม่ต่ำทราม แต่กลับไม่ได้ลงมือทันที เช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะจับข้าได้ หรือไม่ก็มีแผนการอื่น คิดจะสังเกตการเคลื่อนไหวของเรา’
เยี่ยนจ้าวเกอชอบวางแผนเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นจึงไม่ได้ถอยเพราะเรื่องแค่นี้ ยังคงให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์
เพียงแต่หลังจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก้าวเข้าไปในร่องแยกมิตินั้นแล้ว ก็อดทนต่อแรงดันจากพลังแห่งเขตแดน ไม่ได้ล่วงลึกเข้าไป
ตรงกันข้าม ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับหยุดอยู่ใกล้ประตูของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ต่อยหมัดออกอย่างฉับพลัน
พลังงานสั่นไหว บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พลันกระเพื่อมขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่พวกคังฮูหยินเห็น ความจริงเป็นภาพลวงที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นมาเอง
เยี่ยนจ้าวเกอมองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่แสงสว่างสั่นระริก ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ จับตาดูการเคลื่อนไหวใกล้ๆ เพิ่มขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าคังจิ่นหยวนจะใจร้อน ทว่าคังฮูหยินกลับสงบจิตใจ ยังคงรั้งทัพรอจังหวะบุก
กระนั้น จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอพลันมีคลื่นเบ่งบานออกมา
เขาอดหันไปมองที่ไกลออกไปไม่ได้ ที่ทิศทางนั้นพลันมีแสงสว่างไร้ประมาณส่องแสงระยิบระยับ ครอบคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง เข้าใกล้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อย่างรวดเร็ว
‘จิตพลังเช่นนี้? คนของสำนักแสงสว่างหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วขึ้นมา ‘คนที่สัมผัสได้เมื่อครู่ไม่น่าใช่พวกเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้แสดงว่าที่นี่มีศัตรูสองกลุ่มแล้ว’
คังฮูหยินสามแม่ลูกรู้สึกได้ถึงแสงสว่างที่เข้ามาใกล้จากที่ไกลออกไปเช่นกัน
คังฮูหยินเก็บกลิ่นอายโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย อำพรางคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวนไว้มิดชิดกว่าเดิม
หลังจากออกห่างมาไกล นางก็สัมผัสได้ว่าผู้มาไม่มีเจตนาดี กลุ่มของสำนักแสงสว่างมียอดฝีมือที่ไม่ด้อยกว่านางอยู่ด้วย
คังฮูหยินกลับไม่หวั่นเกรง เลือกอำพรางร่องรอยของตัวเอง การทำตัวเป็นนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง มองดูตั๊กแตนจับจั๊กจั่น[1]ได้ประโยชน์มากกว่า
แสงสว่างไร้สิ้นสุดครอบคลุมฟ้าดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วดินแดนหลวนเซียง คนกลุ่มหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้า เข้าใกล้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ในบริเวณหนึ่งของดินแดนหลวนเซียงอย่างว่องไว
คนนำกลุ่มคือหญิงชราผมสีขาวโพลน สวมอาภรณ์สีขาว สีหน้าเคร่งขรึมคนหนึ่ง
นางถือคันฉ่องใบหนึ่งไว้ในมือ บนผิวคันฉ่องมีแสงสว่างเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
นางดูเหมือนฮูหยินชราธรรมดาทั่วไป แจต่กลับเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มีจำนวนน้อยนิดของสำนักแสงสว่าง ถานจิ่น เจ้าตำหนักแสงปรวนแปร มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี