คำบอกเล่าอย่างง่ายๆ ของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้พวกหลัวจื้อเทาและถานจิ่นมีสีหน้าถมึงทึงกว่าเดิม
ยอดฝีมือสำนักแสงสว่าง เหมือนกับภูเขาไฟมีชีวิตที่กำลังปะทุหลายลูก
กู้หง ผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือยิ้มอย่างหนักใจ บุญคุณความแค้นระหว่างสองฝ่ายดูเหมือนจะผูกกันล้ำลึกกว่าเดิมแล้ว
ก่อนหน้านี้คงจะเกิดเรื่องราวไม่น้อย บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬในตำนานก็ได้
ที่สำนักความมืดเกือบถูกฆราวาสเด็ดดาวล้างสำนัก เหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกันกระมัง?
กู้หงพยายามใช้ความคิด ทว่าไม่คิดจะไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่าย เพียงพูดอย่างเรียบๆ “สหายเยี่ยนสะดวกมาเป็นแขกของพรรคเราบนเกาะเพิงหินโม่หรือไม่?”
พอเขาพูดจบ พวกหลัวจื้อเทาก็เข้าใจ กู้หงในท้ายที่สุดก็ยังมีความคิดปกป้องเยี่ยนจ้าวเกออยู่
ทุกคนในสำนักแสงสว่างต่างจนปัญญา มิพักเอ่ยว่าครั้งนี้พวกเขาไหว้วานให้กู้หงมาช่วยเหลือที่ดินแดนหลวนเซียง พูดถึงแค่พลังของทั้งสองฝ่าย หลัวจื้อเทาที่ตอนนี้ทั้งอิดโรยทั้งสูญเสียกงจักรสุริยันจันทรา และไร้ความมั่นใจต่อสู้กับกู้หง
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ผู้คุมหอกู้เกรงใจไปแล้ว เป็นข้ารบกวนจึงจะถูก”
หลัวจื้อเทาหน้าถมึงทึง บอกลากู้หง ไม่มองเยี่ยนจ้าวเกออีก
เขาในตอนนี้กลัวว่างหากมองเยี่ยนจ้าวเกอมากไป จะความคุมไม่ให้ตัวเองลงมือไม่ได้
กู้หงมองแผ่นหลังของหลัวจื้อเทาที่จากไป พูดพลางถอนใจ “เขาครั้งนี้กลับไป เกรงว่าไม่มีเวลาพักผ่อนมากเกินไป หลังจากฟื้นฟูพลังได้เล็กน้อย ก็จะนำสำนักแสงสว่างบุกโจมตีสำนักความมืดทันที”
ถึงแม้ว่าจุดจบของการไปยังสุสานจักรพรรดิประกายกาฬของสำนักแสงสว่างในครั้งนี้ จะหน้าคลุกฝุ่นมีสภาพกระเซอะกระเซิง แต่เทียบกับสำนักความมืดที่ถูกฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อทำลายสำนักแล้ว สถานการณ์ย่อมดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
สำนักความมืดยากจะปีนขึ้นมาจากก้นเหวในเวลาสั้นๆ สำนักแสงสว่างที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตย่อมไม่มีทางละทิ้งโอกาสดีๆ เช่นนี้
หลังจากสำนักประกายกาฬแตกแยกกัน สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างที่ดำเนินมาหลายปีก็ดูเหมือนว่าจะมีข้อสรุปแล้ว
เรื่องเช่นนี้ กู้หงกลับไม่อาจสอดมือช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจว่าไม่แน่ เหมือนกับที่ทุกคนทราบว่า สำนักความมืดหากคิดจะฟื้นฟูพลัง ต่อให้ไม่มีอะไรรบกวน ก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี
ในความจริงแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้ขุมกำลังใหญ่ทั้งสี่นอกจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้แก่ หอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักแสงสว่าง สำนักความมืด และเกาะมนุษย์สำริด แต่หลังจากผ่านภัยพิบัติก่อนหน้า สำนักความมืดก็ได้ตกจากบัลลังก์ สูญเสียคุณสมบัติในการเคียงคู่กับสามสำนักที่เหลือ
สำนักแสงสว่างแม้จะปล่อยสำนักความมืดไป สำนักความมืดก็จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก ถึงจะสามารถผ่านความลำบากนี้ไปได้
อย่างน้อยก็ต้องให้อาการบาดเจ็บของโจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักหายดีเสียก่อน กระนั้นโจวฮ่าวเซิงได้รับบาดเจ็บเพราะฆราวาสเด็ดดาว ที่รักษาชีวิตไว้ได้ จำเป็นต้องขอบคุณการช่วยเหลือของหลินฮั่นหัว ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์
โจวฮ่าวเซิงจะหายดีหรือไม่ จะฟื้นฟูพลังฝึกปรือในช่วงที่เก่งกาจที่สุดได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่อาจทราบได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นศัตรูกันมาหลายปี แต่สำนักแสงสว่างก็ไม่รีบต่อสู้กับสำนักความมืด
โดยเฉพาะเหมือนจะยังมีคนคนหนึ่งที่ทำให้ทั่วทั้งสำนักแสงสว่างในตอนนี้โกรธแค้นยิ่งกว่า…
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง เขากลับรู้สึกว่า พวกหลัวจื้อเทากับถานจิ่นครั้งนี้พอกลับสำนักแสงสว่าง และฟื้นฟูพลังได้แล้ว อันดับแรกที่พวกเขาจะสู้ด้วยก็คือตนกับเขากว่างเฉิง
ยิ่งไปกว่านั้น กงจักรมหาประกายกาฬยังอยู่ในมือของตนด้วย
ตนมีคนของประมุขอาคเนย์และหอกระบี่ทะเลเหนือคอยสนับสนุน ถ้าสำนักแสงสว่างคิดว่าไม่อาจลงมือได้ เป้าหมายสมควรเป็นเขากว่างเฉิงบนโลกแปดพิภพมากกว่า
แต่ว่าขอแค่หยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่กลับโลกแปดพิภพทันเวลา เมื่อมีการร่วมมือระหว่างเขากับเยี่ยนตี๋สองศิษย์อาจารย์ สำนักแสงสว่างในตอนนี้ต่อให้ลงมือสุดกำลัง ก็ใช่ว่าจะส่งผลคุกคามได้
ถึงอย่างไร ถ้าพวกเขาต้องการ ‘ลงไป’ พลังฝึกปรือของแต่ละคนจะถูกจำกัดอยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญในขณะที่กลับเกาะเพิงหินโม่ซึ่งอยู่ทางเหนือของทะเลหวงเจียพร้อมกับกู้หง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี