ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 755

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่อาจเข้าใกล้ดินแดนจิตคุณธรรม จึงบังคับให้วังฝูงมังกรลอยขึ้นมาบนผิวทะเลอยู่ห่างๆ

ในสถานที่ที่ท้องฟ้าและน้ำทะเลตัดกันซึ่งอยู่ไกลออกไป สามารถเห็นแสงสว่างที่เหมือนกระแสน้ำกำลังบดบังท้องฟ้า กั้นมิติด้านในและด้านนอกเหมือนกับขอบเขตชั้นหนึ่งได้

ภายใต้การครอบคลุมโดยประกายน้ำ ทุกสิ่งที่อยู่ด้านในซีดขาวและเชื่องช้า

ภายใต้การชำระล้างจากกาลเวลา ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนเป็นเปราะบางเหลือแสน

ต่อให้ท่านจะเป็นวีรบุรุษสะท้านโลก ต่อให้ท่านจะมีความสามารถเทียมฟ้า ก็ไม่อาจต้านทานการไหลของวันเวลา สุดท้ายก็ต้องมีวันที่เสื่อมโทรมไป หลังจากกาลเวลาอันยาวนาน ฝุ่นจะกลับสู่ฝุ่น ดินจะกลับสู่สิน เหลือแค่ฟองเงาให้คนรุ่นหลังได้เชยชม

เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อเห็นภาพนั้นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ‘การร่วมมือกันของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย’

คังผิง กู้จาง เฮ่อตงเฉิง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามที่ฝึกฝนกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยลงมือพร้อมกัน ประกายกระบี่ครอบคลุมดินแดนจิตคุณธรรมในทันที

ทุกสิ่งต่างมุ่งสู่ความเสื่อมโทรมและความตายทีละก้าว ผ่านการชำระล้างโดยกาลเวลา ความเร็วขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและอ่อนแอของอีกฝ่าย

เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนถึงข้อดีที่เยี่ยนจ้าวเกอแจ้งข่าวให้กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนบุกจู่โจมอย่างเด็ดขาดได้ทันเวลา

ในตอนนั้นกู้จางถูกกู้หง โจวฮ่าวเซิง กงซุนอู่ และหลัวจื้่อเทาร่วมมือกันทำร้าย ถึงตอนนี้ยังไม่หายดี

โชคดีที่มีเหตุการณ์นั้น กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนที่อยู่บนผาตะวันจันทราในดินแดนจิตคุณธรรม ตอนนี้จึงพอจะฝืนป้องกันได้

แต่ว่าพวกคังผิงยังคงได้เปรียบอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“หลัวจื้อเทา กู้หง พวกเจ้าชดใช้ชีวิตให้ภรรยาข้าเถอะ!” คังผิงใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยียบ ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศด้านบนผาตะวันจันทรา

ประกายกระบี่ของเขาจืดจางดุจน้ำ ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่คนที่อยู่รอบๆ

ประกายกระบี่กระจายไปที่ใด สรรพสิ่งล้วนเข้าสู่การหยุดนิ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเก่าแก่เสื่อมโทรม

บนผาตะวันจันทรา หลัวจื้อเทามีใบหน้าเขียวคล้ำ กระตุ้นกงจักรสุริยันอันเป็นส่วนหนึ่งของกงจักรสุริยันจันทรา อาศัยค่ายกลคุ้มภูเขาของตัวเองในการรับมือกับอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

กู้หงมาถึงผาตะวันจันทราเช่นกัน ความตายของคังฮูหยิน คังผิงหมายจะคิดบัญชีกับเขาด้วย ขณะที่โจมตีหลัวจื้อเทา ก็ไม่ได้ผ่อนคลายการโจมตีกู้หงแต่อย่างไร

กู้หงใบหน้าอึมครึม สภาวะกระบี่ตรงไปตรงมาไม่สูญเสียความเป็นระเบียบ ป้องกับสภาวะโจมตีที่เหมือนกับคลื่นน้ำของอีกฝ่าย

ทว่าคังผิงมีพลังมากเกินไป ประกายกระบี่ไปถึงที่ใด เจตจำนงกระบี่ที่เหมือนคลื่นน้ำซัดโหมของกู้หงก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง

มาตรว่ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่ แต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ก็ยังกลายเป็นผืนดินหรือทุ่งร้างที่แห้งแล้งได้

คังผิงในตอนนี้ไม่ได้ใช้มือเปล่า หรือใช้นิ้วต่างกระบี่เหมือนตอนสู้กับหลินฮั่นหัวเมื่อก่อนหน้า ทว่าในมือมีกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ด้วย

หนึ่งกระบี่อยู่ในมือ คังผิงเพียงคนเดียวกดดันจนกู้หงและหลัวจื้อเทาแทบไร้พลังโต้ตอบ

นอกจากคังผิงแล้ว กู้จางกับเฮ่อตงเฉิงยังลงมือพร้อมกัน เล่นงานกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนจนโงหัวไม่ขึ้นโดยสิ้นเชิง

ผู้คุมเกาะมนุษย์สำริดกงซุนอู่ที่มีพลังอยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เมื่อไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ในมือ ถึงขั้นไม่อาจสอดมือในการต่อสู้เช่นนี้ได้

กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนได้แต่พึ่งพาค่ายกลคุ้มภูเขาของสำนักแสงสว่างป้องกันอย่างเต็มกลืน อยู่ในลักษณะเอนเอียงท่ามกลางพายุฝน

หากมองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ จะเห็นว่ากลางฟ้าดินที่ประกายกระบี่ซึ่งเหมือนกระแสน้ำครอบคลุมอยู่ มีเปลวไฟสว่างขึ้นตลอดเวลา

ภายใต้การสะกดจากเจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมาจากการร่วมมือกันของพวกคังผิง สรรพสิ่งล้วนซีดเซียว แต่เปลวเพลิงนี้กลับละลานตายิ่ง

ยังมีความสามารถเช่นนี้ได้อีก เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีว่าน่าจะเป็นเสวียนมู่อ๋องแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง นำหอกราชาลี้ลับที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาออกศึกด้วย

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องครั้งมีความตั้งใจระดมยอดฝีมือทั้งหมดมาทำลายผาตะวันจันทราอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมอง เห็นในโลกประกายกระบี่ยังมีแสงของดวงจันทร์ที่สว่างไสวสุกสกาวกะพริบขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว

‘มงกุฎจันทรา…’ เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัวลงเล็กน้อย ‘ยังไม่สามารถแสดงพลังที่สมควรมีได้ หมายความว่าก่อนหน้านี้สำนักแสงสว่างไม่มียอดฝีมือที่มีร่างแห่งจันทราซึ่งมีความคุณค่ามากพอ คนที่ควบคุมมงกุฎจันทราอยู่ในตอนนี้ จึงน่าจะยังเป็นเมิ่งหวาน’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี