ไป๋จื่อหมิงถอนใจชมเชยในใจ เฉินจื้อเหลียงที่มีความรู้และประสบการณ์มากมาย ยิ่งคิดเยอะกว่าฝ่ายแรกมาก
สายตาของเขาย้ายไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และเฟิงอวิ๋นเซิง
‘ดาบเล่มนั้นมีปราณดาบดุร้ายยิ่ง สะท้อนถึงกลิ่นอายมารเพลิงทมิฬ กัดกร่อนกดข่ม กลืนฟ้ากินตะวัน เหมือนจะแฝงพลังกัดกร่อนเอาไว้ด้วย?’
เฉินจื้อเหลียงโอดครวญในใจ ‘แม้กระทั่งข้าเองถึงกับมองไม่ออกว่าดาบเล่มนี้อยู่ในระดับไหนอยู่ชั่วขณะ เพราะมันแตกต่างกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง แต่ก็ไม่เหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางเช่นกัน’
‘มีพลังกัดกร่อนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ตามเหตุผลแล้วมีแค่ของวิเศษไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แต่ละชิ้นต่างก็สะท้านฟ้าสะเทือนดิน มีชื่อเสียงเรื่องละบือ’
แววตาของเขาทอประกาย ‘ไม่รู้ว่าเป็นพลังของพระราหู หรือเป็นพลังของพระเกตุ แต่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นครอบครองตราประทับตะวันไว้ ไม่แน่ว่าดาบเล่มนี้จะเป็นดาวข่มของพระอาทิตย์ เกี่ยวข้องกับพระราหู…’
แต่มีตำนานบอกว่าดาบราหูได้ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว
ครั้นคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจื้อเหลียงก็ไม่แน่ใจอีกครั้ง
‘สำนักแสงสว่างมีมงกุฎจันทรา หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับโลกแปดพิภพ?’ เฉินจื้อเหลียงตกใจ ‘โลกแปดพิภพใบนี้เป็นที่ที่มีแต่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนหรือ?’
เขาสงบจิตใจ มองเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ระวังตัวขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอความจริงแล้วก็พิจารณาบิดาของตนอยู่เช่นกัน เขาส่งกระแสเสียงถามว่า “ได้ยินท่านอาจารย์ปู่บอกว่า ท่านผู้เฒ่าได้คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตซึ่งเป็นวิชาสายหยกพิสุทธิ์ตอนอยู่ในโลกซ้อนโลก ดูจากลักษณะของท่าน น่าจะได้ศึกษาแล้วใช่หรือไม่?”
การประมือของเยี่ยนตี๋กับเสวียนมู่อ๋องเมื่อครู่ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางเสื้อคลุมยันต์เซียน พลังวิญญาณสะท้อนเป็นยันต์วิญญาณนับไม่ถ้วน
ความสามารถของเสื้อคลุมยันต์เซียน คือการประกอบยันต์วิญญาณให้กลายเป็นฉากกำบังละอองแสง มีพลังป้องกันแข็งแกร่งมาก
ถ้าหากละอองแสงถูกอีกฝ่ายทำลาย จะกลายเป็นหมอกแสงกระจายไปทั่ว สร้างความเสียหายชนิดไร้รูปร่าง
หลังจากที่ศัตรูทำลายการป้องกันของฉากกำบังละอองแสงแล้ว ถ้าหากว่าคิดจะไล่โจมตีด้วยการใช้พลังทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วมองข้ามเสื้อคลุมยันต์เซียน ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเสียท่าหมอกแสงอย่างสาหัส
เยี่ยนตี๋ตอนแรกทำลายฉากกำบังละอองแสงทิ้ง แต่เมื่อถูกหมอกแสงปกคลุม เขาก็ไม่ได้หลบและไม่ได้ป้องกัน
เขากลับทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้าง
ไม่หลบไม่หลีกไม่ป้องกัน เพียงอ้าปาก แล้วดูดหมอกแสงทั้งหมดเข้าไปในปาก จากนั้นก็กลืนลงท้องเหมือนกับปลาวาฬ
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกันถ้วนหน้า ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการได้เห็นเขาสังหารเสวียนมู่อ๋องหลังจากนั้นเลย
เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเพียงคนเดียวที่เตรียมใจไว้อยู่แล้ว หลังจากประหลาดใจ ชายหนุ่มก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในห้วงสมองของเขาก็คือ ‘คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต’
เยี่ยนตี๋กล้ากลืนหมอกแสง เป็นเพราะว่าพลังชีวิตและพลังฟื้นฟูของเขายอดเยี่ยมถึงระดับหนึ่งแล้ว
การลอบทำร้ายของหมอกแสง ถือเป็นการโจมตีต่อเนื่อง การสร้างความเสียหายที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาไม่รุนแรงมาก แต่กลับก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัสต่อผู้คนในระยะเวลาสั้นๆ โดยการสั่งสมความเร็วที่มีความถี่สูง
สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าอยู่ที่หลังจากจอมยุทธ์โดนกระบวนท่าแล้ว จะไม่อาจแก้ไขได้โดยง่าย มาตราว่าจะมีชีวิตรอดไปได้ แต่วันหน้าก็จะถูกปัญหาที่หยั่งรากลึกพัวพัน
แต่คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต กลับข่มกระบวนท่าประเภทนี้ได้พอดี
เยี่ยนตี๋เลือกกลืนหมอกแสงลงไป เพราะคิดว่าวิชาในคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต สามารถช่วยเขาหลอมหมอกแสงให้กลายเป็นพลังของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นคัมภีร์มหัศจรรย์เล่มนี้จริงๆ” เยี่ยนตี๋ตอบด้วยรอยยิ้ม “หลังจากท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้ข้าแล้ว ข้าก็ทำการศึกษาแข่งกับเวลา แม้จะไม่อาจใช้มันแทนรากฐานของตัวเองได้ แต่ก็ได้ประโยชน์มากมาย น่าอัศจรรย์ยิ่ง
“ไม่เพียงแต่คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตเท่านั้น บทสวดอัสนีทันใจ ข้าเองก็ได้ศึกษามาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
“ที่ข้าสั่งสมสำเร็จ พลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น และระดับพลังเริ่มพุ่งทะยานอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ ก็เกี่ยวข้องกับพวกมันนี่เอง”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นถึงถามว่า “หลังจากท่านฝึกแล้ว รู้สึกว่าคล้ายกับวิชาวรยุทธ์ของท่านแม่หรือไม่?”
เยี่ยนตี๋ส่ายหน้าตอบว่า “ถึงแม้ว่าจะเป็นคัมภีร์วรยุทธ์เดียวกัน แต่ว่ามีความแตกต่างในด้านรายละเอียดอยู่บ้าง น่าจะเป็นเพราะเป็นคนละคนในกระบวนการสืบทอด เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่าง ดังนั้นถึงแม้จะคล้ายๆ กับสิ่งที่ชูฉิงร่ำเรียน แต่ไม่ใช่วิชาสายเดียวกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี