แม้จะเผชิญหน้ากับจ้าวฮ่าว ทว่าผู้นำจอมยุทธ์ถังตะวันออกก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด
“องค์ชายสิบหก หากกระหม่อมจำไม่ผิด ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าให้ท่านอยู่คุ้มกันเมืองชมตะวัน หากไม่มีพระราชโองการ ห้ามท่านออกไปข้างนอก”
“แล้วเหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้พะยะค่ะ”
จ้าวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ทว่ากล่าวอย่างเฉยชาว่า “แน่นอนว่าเพราะเป็นกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเสด็จพ่อข้าสิ”
“ข้าแตกฉานในด้านโอสถรักษา เจ้าก็น่าจะรู้ดี”
ปรมาจารย์ถังตะวันออกผู้นั้นจึงโต้กลับไปว่า “ดังนั้นท่านจึงกล้าทำเรื่องเนรคุณเช่นนี้ วางยาบนตัวของฝ่าบาทเพื่อใช้สะกดรอยตามอย่างนั้นหรือ?”
องค์ชายสิบหก จ้าวฮ่าวยื่นมือไปไพล่หลัง สีหน้าเรียบนิ่งยิ่งนัก “อย่าได้กล่าวหาซี้ซั้ว ข้าแค่รู้จักกลิ่นของผงเกสรหญ้าร้อยภูตเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดบนตัวของเสด็จพ่อจึงมีผงเกสรหญ้าร้อยภูตอยู่”
“แต่ว่า ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาถกเถียงเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้”
จ้าวฮ่าวมองเยียนจ้าวเกอกับจ้าวซื่อเฉิงครั้งหนึ่ง “ช่วยชีวิตเสด็จพ่อสิถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด รอช้าไม่ได้แล้ว”
จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนที่อยู่ข้างกายเขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ล่วงเกินท่านแล้ว”
ครั้นกล่าวจบ บรรดาจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนก็เข้าล้อมกลุ่มคนของถังตะวันออกไว้
ฝ่ายจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนมีกำลังคนเยอะมาก แม้จะมีระดับวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าพลังของพวกเขากลับสูงกว่าชั้นหนึ่ง
ฝั่งถังตะวันออกแม้จะมีค่ายกลคุ้มกันอยู่ ทว่าก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
จ้าวซื่อเฉิงหมดสติ เมืองชมตะวันก็มีกบฏ อีกทั้งภายนอกก็ยังมีการรุกรานของหมอกดำจากหุบเหวปราการมังกร ตอนนี้ค่ายกลที่คุ้มกันทุกคนเอาไว้อ่อนแรงลงมากแล้ว
ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาสองคนของเขาไร้พรมแดนจึงเริ่มลงมือในทันที พวกเขาทำการหยุดค่ายกลเอาไว้ จอมยุทธ์ปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนคนอื่นๆ ก็เริ่มแทรกตัวเข้ามาในค่ายกล
ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาของถังตะวันออกที่เดิมทีช่วยเยี่ยนจ้าวเกอรักษาจ้าวซื่อเฉิงนั้น เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว จึงทำได้เพียงหยุดก่อนชั่วคราว แล้วเตรียมลุกขึ้นมาประจันหน้ากับศัตรู
ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ทำเช่นนั้น ข้างหูก็เกิดเสียง ‘พลั่ก’ ‘พลั่ก’ ดังขึ้นสองครั้ง!
ชายร่างกำยำคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน มือหนึ่งจับจอมยุทธ์ของเขาไร้พรมแดนที่คิดจะเข้ามาโยนออกไปข้างนอกโดยพลัน!
อาหู่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขามองอีกฝ่ายพลางยิ้มแสยะ “มีคุณชายของข้าอยู่ ที่นี่ไม่ต้องการพวกท่าน เชิญกลับไปเถิด”
เมื่อปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาจากเขาไร้พรมแดนคนหนึ่งเห็นการออกมือของอาหู่แล้ว ก็เข้าใจทันที
เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วผลักฝ่ามือหนึ่งออกไป บริเวณที่ปราณจิตราส่งไปถึงก็หลอมรวมเป็นดั่งแนวเทือกเขาเรียงราย
ชั่วขณะหนึ่ง ภาพทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ราวกับจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คล้ายกับไม่ได้อยู่ในหุบเหวปราการมังกรอีกต่อไป แต่อยู่ในป่าลึกภูเขาสูงแทน
ภูเขารอบกายเหมือนกับถูกคนผลักให้บีบเข้าหาทุกคนที่อยู่ตรงกลางพร้อมกัน
ปราณจิตรามีจิตวิญญาณ ไม่ใช่หลอมได้เพียงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่แหลมคม ทว่าสามารถเปลี่ยนเป็นโลกมายากักขังศัตรูได้อีกด้วย!
อย่างน้อยต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางถึงจะสามารถทำได้!
อาหู่แสยะยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มที่หนักแน่นและจริงใจตลอดมานั้น ตอนนี้ดูแล้วดุร้ายน่าหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ ราวกับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลอยู่ตัวหนึ่งได้ตื่นขึ้น ดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก!
ภาพตรงหน้าของกลุ่มคนจากเขาไร้พรมแดนเลือนรางไปหมด ก่อนจะเห็นเสือดำขนาดมหึมาตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
ครั้นเสือดำตัวนั้นคำราม พายุหมุนที่บ้าคลั่งก็เคลื่อนตัวเข้ามาจากสี่ทิศอย่างช้าๆ
โลกมายาที่สร้างมาจากปราณจิตราของปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนคนนั้นป่าทึบภูเขาสูง มีพายุที่น่ากลัวกำลังจู่โจม แผ่นดินสั่นภูเขาไหว หน้าผาหินแตกร้าว!
ป่าทึบภูเขาสูงนั้นพังทลายลงอย่างรุนแรง เพราะมีพายุหมุนบ้าคลั่งพัดกวาดไปทั้งสี่ทิศ!
สีหน้าของจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนหมองหม่นลงในพริบตา ก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาหรือนี่!”
“เจ้าเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคนหนึ่ง แต่กลับลดตัวไปเป็นข้ารับใช้ผู้อื่น เจ้าก็ไม่รู้สึกอายบ้างหรืออย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี