ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 849

การสนทนากลางฟ้าดินในโลกซ้อนโลกที่อยู่ด้านนอกมิติต่างแดนของประมุขทั้งสอง มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ยิน

แต่ว่าสำหรับเขาแล้ว การเผชิญหน้ากับประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ ย่อมดีกว่าการเผชิญหน้ากับประมุขบูรพา

ถึงอย่างไรเมื่อดูจากท่าทีของพวกหลี่เฉิงและเซี่ยงอีหยาง ก็มั่นใจได้แล้วว่าคนที่เป็นผู้สืบทอดของอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนในเขตชางเทียนตะวันอก ไม่ได้ปฏิบัติต่อกระเรียนหิมะอย่างเป็นมิตรนัก

แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นทายาทของนางก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย

แม้จะไม่ทราบว่าประมุขอิสานหลินเจิงกู่มีความรู้สึกต่อเสวี่ยชูฉิงเป็นอย่างไร แต่เมื่อครู่ที่ด้านนอกก็เกิดการต่อสู้ขึ้น

สำหรับความรู้สึกของศัตรูที่มีพลังเท่าเทียม คนที่ต่อสู้กับหลิวเจิงกู่ มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับเดียวกับเขา

ที่นี่คือจุดตัดของเขตสุราลัยบูรพาและเขตสารทอิสาน เช่นนั้นอีกฝ่ายที่ต่อสู้มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นประมุขบูรพา

หลิวเจิงกู่ถึงขั้นเต็มใจลงมือ เช่นนั้นท่าทีที่เขามีต่อเสวี่ยชูฉิงและเยี่ยนจ้าวเกอสองแม่ลูก สมควรเป็นตรงกันข้ามกับประมุขบูรพา

เมื่อดูจากเรื่องนี้ ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่กลับเป็นฝั่งที่เชื่อถือและรับมือด้วยได้

แน่นอนว่ายังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะจงใจเล่นละครเพื่อทำให้ตนเชื่อใจ เนื่องจากมีแผนการที่ใหญ่กว่า

แต่ความเป็นไปได้นี้มีต่ำยิ่ง

ถ้าหากว่าคำพูดของพวกหลี่เฉิงเป็นความจริง เช่นนั้นยอดฝีมือระดับประมุขบูรพากับประมุขอิสาน คิดติดตามหาที่อยู่ของเสวี่ยชูฉิงกลับไม่ใช่เรื่องยาก

การทำนายก่อนกำเนิดไม่ได้มีความสามารถครอบจักรวาล หากทั้งสองฝ่ายมีพลังฝึกปรือต่างกันเกินไป คิดจะสังเกตทิศทางของอีกฝ่าย ก็ยังยากยิ่งกว่าการปีนป่ายสวรรค์

เพียงแต่สืบเนื่องจากยอดฝีมือระดับนี้สะกดกันไว้ ดังนั้นประมุขบูรพาจึงได้แต่ส่งศิษย์ในสำนักออกเดินทางเพื่อตามหาที่อยู่ของเสวี่ยชูฉิง

ตอนนี้เขามายังที่นี่ด้วยตัวเอง พลันถูกหลิวเจิงกู่ที่เป็นประมุขขัดขวางไว้

หากมองจากมุมนี้ ก็พิสูจน์ถึงเรื่องที่ตะวันออกเฉียงเหนือกับตะวันออกไม่ลงรอยกันได้แล้ว

ดังนั้นในขณะที่หลิวเจิงกู่ดวงตาเป็นประกาย ตั้งใจพิจารณาหน้าตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างสงบนิ่ง ประสานมือคำนับหลิวเจิงกู่อีกครั้ง “เสวี่ยชูฉิง นางเป็นท่านแม่ของข้า มีชื่อว่ากระเรียนหิมะแห่งคุนหลุน บางทีประมุขอิสานอาจเคยเห็นนาง ดังนั้นจึงคิดว่าข้ารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาข้างอยู่บ้าง”

หลิวเจิงกู่เบิกตากว้าง จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น “ฮ่าๆ! ถึงแม้สำหรับข้าแล้วนางจะยังคงเป็นดรุณีน้อย แต่ถ้าหากแต่งงานเร็ว การมีบุตรก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าดรุณีน้อยในตอนนั้นจะเป็นแม่คนมาหลายปีแล้ว”

คำพูดนี้ของเขาไม่นับว่าทำตัวเป็นผู้อาวุโส ในประมุขทั้งสิบ หลิวเจิงกู่มีอายุและศักดิ์ฐานะค่อนข้างสูง

อย่าว่าแต่เสวี่ยชูฉิง ในตอนที่หยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่เกิด หลิวเจิงกู่ก็เป็นผู้กุมอำนาจ มีชื่อเสียงกระฉ่อนใต้หล้ามาไม่รู้กี่ปีแล้ว

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอพลางจุ๊ปากชมเชย “ข้านึกออกแล้วว่าได้ยินชื่อของเจ้ามาจากไหน มีความโดดเด่นอยู่จริงๆ ไม่ได้อาศัยแต่ของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน แต่ว่าเจ้าไม่ควรอยู่ทางเขตตะวันอาคเนย์หรอกหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าออกเดินทาง ผละจากโลกซ้อนโลกไปอยู่ในมิติด้านนอกชั่วคราว ตอนกลับมาได้มาโผล่ที่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ใกล้ๆ นี้พอดี”

หลิวเจิงกู่ส่ายหน้าช้าๆ “หากไม่ได้เจอเจ้าในมิติต่างแดนแห่งนี้ ข้าก็ไม่กล้ายืนยันจริงๆ ว่าเจ้ากับดรุณีน้อยเสวี่ยชูฉิงมีความเกี่ยวข้องกัน”

เขากวาดมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว “มารดาเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะอย่างขื่นขม “ก่อนที่ข้าจะเข้ามา นางก็ได้จากไปก่อนแล้ว ขอไม่ปิดบัง ข้าตามหาท่านแม่มาโดยตลอด”

หลิวเจิ้งกูส่งเสียงอืม “หากนางไม่อยากให้เจ้าเจอตัว เจ้าก็ไม่อาจหานางเจอจริงๆ”

ชายหนุ่มลองหยั่งเชิง “ไม่ทราบประมุขอิสานทราบที่อยู่ของท่านแม่หรือไม่ และช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น บิดาของข้าก็คิดถึงนางมากเช่นกัน”

ดูเหมือนประมุขอิสานผู้นี้จะถูกชะตากับเสวี่ยชูฉิงมากจริงๆ จึงพลอยมีท่าทีเป็นมิตรกับเยี่ยนจ้าวเกอไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี