ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองผู้วิเศษเซิง ‘ของวิเศษเมื่อครู่…มิน่าล่ะ มิน่าถึงจับกู้หงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดไว้ได้’
แม้จะเป็นแค่พริบตาเดียว แต่ว่านั่นกลับเป็นการไหลกลับของเวลาที่แท้จริง ย้อนทวนเวลา ลบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขากว่างเฉิงยังมีไพ่ตาย เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ลังเล ลงมือในทันที ผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
อาวุธสำหรับวางค่ายกลที่ถูกทำลาย ไม่อาจกางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายขึ้นมาได้
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอกับหยวนเจิ้งเฟิงไม่อาจต้านทานพลังของผู้วิเศษเซิง และตรากระบี่กาลเวลาได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกได้แต่ออกฌานก่อนกำหนด ทุ่มเทพลังทั้งหมดของเขากว่างเฉิงเพื่อสู้กับอีกฝ่าย
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้กดดันให้อีกฝ่ายถอยได้ ในอีกความหมายหนึ่ง ก็เท่ากับพ่ายแพ้
เพราะนั่นเท่ากับอีกฝ่ายแย่งชิงเวลาได้มากพอ ส่วนเขากว่างเฉิงสิ้นเปลืองความพยายามก่อนหน้าไปอย่างเสียเปล่า
รอจนคู่ต่อสู้เตรียมตัวพร้อมสรรพ รวบรวมพลังที่แข้งแกร่งกว่าเดิมมาจู่โจม ผลลัพธ์ยากจะคิดถึง
ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายตอนนี้กลายเป็นโลกแสงสีขาว ปกคลุมดินแดนจิตคุณธรรม กันผู้วิเศษเซิงไว้ด้านนอก
ผู้วิเศษเซิงยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชา แต่ว่าสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย
เขามองค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายที่ปกคลุมเขากว่างเฉิงเบื้องหน้า กล่าวในใจว่า ‘มิน่าถึงเล่นงานพวกคังผิงจนหน้าคลุมฝุ่นได้ มีตัวแปรที่อยู่เหนือความคาดหมายมากเกินไปจริงๆ’
ศิลาเทพย้อนทวนเวลาที่ย้อนเวลากลับเมื่อครู่ ครั้งนี้เขานำมาด้วยสองชิ้น
ตอนแรกคิดว่าอย่างมากสุดจำเป็นต้องใช้แค่ชิ้นเดียวสำหรับจับเป็นกู้หง การทำลายเขากว่างเฉิงและการจับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ลำบาก การเตรียมศิลาเทพย้อนทวนเวลาอีกชิ้นหนึ่งเป็นแค่การเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉิน
แต่เขาหาทราบไม่ว่าหลังจากใช้ศิลาเทพย้อนทวนเวลา ก็ยังชนใส่กำแพงที่เขากว่างเฉิงอยู่ดี
ผู้วิเศษเซิงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อยู่ทางตะวันตก ‘พวกหลินภูผาเงาอยู่ใกล้ที่นี่เกินไป เวลามีจำกัด…’
เสวียนเฉิงอ๋องยังคงจัดการเรื่องค่ายกลสืบทอดฟ้า ไม่อาจปลีกตัวมาได้
ตอนนี้ตนอาศัยหนึ่งม้าหนึ่งหอก ไม่อาจทำลายค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายได้ในระยเวลาสั้นๆ ผู้วิเศษเซิงไม่ใช่คนพิรี้พิไร และไม่ใช่คนที่เสี่ยงชีวิตเพราะความเดือดดาล
เขาเก็บตรากระบี่กาลเวลาและประกายกระบี่ของตัวเอง
“เขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาสำนักเต๋าหรือ คิดจะแบกรับชื่อนี้ยังห่างชั้นนัก แต่ว่าแม้พลังฝึกปรือของคนจะไม่สูง ของวิเศษกลับมีอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ข้าประมาทเกินไปจริงๆ”
ผู้วิเศษเซิงมองเขากว่างเฉิงเงียบๆ ก่อนจะหมุนกายผละไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เดิมทีคิดจะจัดการให้หมดในคราวเดียว ดูเหมือนตอนนี้ได้แค่เก็บพวกเจ้าไว้ตอนท้ายแล้ว”
ร่างของเขาหายไปกลางอากาศ เจตจำนงกระบี่ที่เหมือนกับประกายน้ำครอบคลุมท้องนภา ไหลเอื่อยอย่างเงียบๆ หายไปทางตะวันออกเฉียงใต้
ทุกคนในเขากว่างเฉิงใช้สายตาส่งเงาหลังของผู้วิเศษเซิงจากไป ต่างนิ่วหน้าเงียบๆ
ประกายแสงของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายยังคงไม่สลายไป มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าผู้วิเศษเซิงจะหันหัวม้ามาแทงหอกหรือไม่
เยี่ยนจ้าวเกอไม่กลัวการใช้ความคิดแง่ร้ายที่สุดมาหยั่งคะเนศัตรูอยู่แล้ว
อีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ์อย่างกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย มีความเร็วสูงยิ่ง หากคิดจู่โจมอย่างฉับพลัน แค่อึดใจเดียวก็มาถึงแล้ว
ทว่าขณะมองทิศทางที่ผู้วิเศษเซิงจากไป ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็พึมพำว่า “มุ่งหน้าไปหาสำนักที่ตั้งขึ้นมาใหม่ของสำนักความมืดที่อยู่ทางทิศใต้หรือ เหอะ คิดวนรอบทะเลหวงเจียทวนเข็มนาฬิกาจริงๆ เสียด้วย”
หยวนเจิ้งเฟิงเอ่ยเสียงทุ้ม “สำนักความมืดป้องกันไม่ไหวแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เมื่อได้รับข่าวที่เกาะมนุษย์สำริดถูกทำลาย พวกเขาสมควรทราบเรื่องนี้แล้ว เสียดายที่พวกเขาไม่มาร่วมกับพวกเรา”
จากการต่อสู้ในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ แม้พวกโจวฮ่าวเซิงจะไม่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้อะไรไปบ้าง แต่ว่าเมื่อเห็นสำนักแสงสว่างก็ดูเหมือนจะโดนเล่นงานเช่นกัน เช่นนั้นตามการคาดคะเนของพวกเขา คนที่ได้ประโยชน์สมควรเป็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี