ชายชราตาเดียวเคลื่อนไหวร่างกาย ใช้วิชาสุริยันทะยานบูรพา ราวกับดวงอาทิตย์ทะยานขึ้นทางทิศตะวันออก อันไม่อาจหยุดยั้งได้
ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงผู้นั้นต่อสู้หนึ่งต่อสอง เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกหนุนซ้ายแคลนขวา ดูแลไม่ทั่วถึง
วิชาวายุอัคคีไม่สามารถช่วยเขาหยุดยั้งศัตรูเอาไว้ได้
ผู้อาวุโสสูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่ซูบผอมแห้งเหี่ยวพลันมีฝาดสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ฉับพลันนั้นราวกลับเพลิงเดือดลุกโหมท้องฟ้า!
ร่างกายของชายชรายืนอยู่กลางอากาศ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างผอมเล็กก็ราวกับจะสูงใหญ่เสียดฟ้า
เขาดันฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป ต้านหัตถ์เทพกลางเวหาของชายชราตาเดียว โจมตีอย่างหนักหน่วงโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์!
เฒ่ามารหัวขวานเปล่งเสียงคำรามแสบแก้วหูออกมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองตั้งขึ้นมาดุจดาบยาว ฟาดฟันออกไปข้างหน้า ประหนึ่งกับถือขวานสองด้ามกวัดแกว่งฟาดฟัน
ลำแสงสีดำมากมายหลอมรวมกันเป็นขวานบินไร้ด้ามเป็นเล่มๆ โลดแล่นไปมาอยู่บนท้องฟ้าราวกับลมหมุน!
นั่นก็คือฝ่ามือขวานมาร ความสามารถเฉพาะตัวของหานเซิ่ง!
ทันทีที่เขาใช้วิชานี้ พลังที่ออกมาพลันก่อตัวเป็นลมหมุน รุนแรงแปลกประหลาด ประดุจขวานบินทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายเป็นการเฉพาะ ขณะที่แสดงอานุภาพอย่างรุนแรงนั้น ก็ก่อให้เกิดภาพลวงยากจะคาดเดา ทำให้คนป้องกันไม่ถูก
วิชานี้ดูเหมือนแข็งกระด้างและรุนแรง ทว่าภายในกลับแฝงไปด้วยความเย็นเยียบดุร้ายเอาไว้ด้วย ประหนึ่งกับมีเทพมารปลดปล่อยคมขวานออกมา ทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีพลังความสามารถและระดับวรยุทธ์ใกล้เคียงกัน ทว่าหากไม่รู้พื้นฐาน ก็ต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ขวานบินแต่ละเล่มที่หมุนวนส่องแสงสีดำ บ้างก็วาดฟันเป็นเส้นโค้งที่แปลกประหลาด ผ่าพลังฝ่ามือม่านทองของผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงจนแหวกออก บ้างก็ฝืนหมุนวนเพื่อตัดเชือกสีทองมากมายให้ขาดออก
หานเซิ่งถือโอกาสขณะที่ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงกับชายชราตาเดียวสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังประมือกัน มุ่งไปยังกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกออย่างมาดร้าย!
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าเกิดแสงสีดำวูบวาบ ชั่วขณะหนึ่งภาพทิวทัศน์ราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงคำรามดังขึ้นที่ข้างหู เสียดแทงโสตประสาท ราวกับร่างกายติดอยู่ในอเวจีก็ไม่ปาน
อาหู่ สวีชวน และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ลงมือเช่นนี้ อย่าว่าแต่โจมตีโต้ตอบกลับไปเลย แม้แต่จะต้านทานหลบหลีกก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้เช่นไร
“นายน้อยเยี่ยน นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของท่านด้วยใช่หรือไม่”
ครั้นฟังเสียงขมขื่นของสวีชวน เยี่ยนจ้าวเกอก็ลูบคางของตนเอง “พูดตามตรงนะ ไม่อยู่”
เมื่อเห็นสวีชวนที่ยิ้มบอกบุญไม่รับอยู่เรื่อยๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มพลางส่ายหัว “เฒ่ามารหัวขวานนั่น นับว่าเขาอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของข้า”
“หากพูดตามหลักแล้ว ในสถานการณ์ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งกำลังแก่งแย่งชิงดีกันเช่นนี้ หากเขากับหัวหน้าค่ายซื่อหลิงฉลาดมากพอ ก็ไม่ควรเข้ามาผสมโรงด้วย”
“ดังนั้นการปรากฏตัวขึ้นของเขา ข้าจึงมีความยินดีมากกว่าที่จะเรียกว่าแปลกใจ”
สวีชวนชะงัก เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า “เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเยี่ยจิ่งพี่น้องร่วมสาบานนั้น หานเซิ่งจึงมาแก้แค้นข้าอย่างนั้นหรือ ไปหลอกเด็กเสียเถอะ”
“เขาอยากได้ของบางอย่างจากตัวข้าต่างหากเล่า เหตุผลยังไม่ชัดเจนนัก ทว่านี่ก็หมายความว่าสิ่งของที่อยู่กับข้าสำคัญยิ่งนัก”
ขณะนี้ขวานขนาดยักษ์สีดำ กำลังหมุนวนเข้ามาประชิดอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ทุกๆ คมขวานขนาดยักษ์มองไปแล้วยังมีขนาดใหญ่กว่าห้องทั่วไปนัก ซึ่งกำลังหมุนวนอยู่ ราวกับกำลังหั่นผืนฟ้าและผืนแผ่นดินอยู่!
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเรียบเฉย เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “ของสิ่งนั้นสำคัญกว่าที่ตัวข้ารู้ก่อนหน้านี้ และมีความลับที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้”
“ท่านว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหรือ?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ลมเมฆก็พลันเปลี่ยนไป
บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของทุกคน จู่ๆ ลมเมฆทั่วทั้งท้องฟ้าก็พลันรวมตัวกัน และเปลี่ยนเป็นสีทอง
กลางชั้นเมฆสีทองประหนึ่งกับเกิดน้ำวนขนาดมหึมาขึ้น ภายในน้ำวนลมเมฆหลอมรวมกันเป็นรูปฝ่าเท้าขนาดยักษ์ข้างหนึ่ง กำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า! ไอรีนโนเวล
ฝ่าเท้านั่นใหญ่ยักษ์เช่นนี้ บดบังฟ้าและตะวัน ราวกับจิตวิญญาณเทพขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ในขณะที่เท้าขนาดยักษ์ตกลงมา ดินฟ้าอากาศทั่วทุกทิศราวกับถูกหยุดนิ่งเอาไว้ ลมไม่พัด เมฆไม่เคลื่อน แม้กระทั่งแสงอาทิตย์ก็เหมือนกับจะเปลี่ยนรูปเป็นผลึกแก้วที่มีรูปร่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี