จักรพรรดิแพรงามมีอาวุธเซียน เรื่องนี้เยี่ยนจ้าวเกอทราบจากปากของจอมยุทธ์เขาโถงเซียนตั้งแต่แรกแล้ว
ฟู่อวิ๋นฉือ จักรพรรดิแพรงามผู้นี้ก้าวสู่ระดับเซียนมามากกว่าพันปี แตกต่างกับจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย ซึ่งจากโลกใบนี้ไปตั้งแต่ยังหนุ่ม
เยี่ยนจ้าวเกอกับมู่จวินสบตากัน บนใบหน้าของทุกคนปรากฏแววประหลาดพิกล
ทวนพระอังคารพิเศษเกินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าว่าอาวุธเซียนชิ้นนี้จะรับรู้ว่าตนเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง กระนั้นคนอื่นๆ รวมถึงเยี่ยนจ้าวเกอและมู่จวินต่างมองเขาเป็นจักรพรรดิผู้หนึ่ง
บางทีอาจจะมีแต่ตอนนี้เท่านั้นที่ทุกคนรู้สึกว่าทวนพระอังคารเป็นอาวุธที่แท้จริง
เขาไม่อาจหลอมอาวุธเซียนชนิดอื่นขึ้นมาได้ และไม่อาจกระตุ้นอาวุธเซียนชิ้นอื่นได้
อย่าว่าแต่เขาไม่มี ต่อให้ตอนนี้มีคนมอบอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งกับเขา เขาก็ได้แต่ยืนจ้องอยู่เฉยๆ
กระนั้นปัญหาอยู่ที่ว่า จักรพรรดิแพรงามซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ไม่ได้มีแค่มืดเปล่าหมัดเปลือย
และไม่มีใครกำหนดว่า ในตอนที่จักรพรรดิแพรสู้กับทวนพระอังคาร จำเป็นต้องใช้แค่มือเปล่าสู้เท่านั้น ทวนพระอังคารเองก็ไม่ไร้เพียงสาถึงขนาดนั้นเช่นกัน
เป็นอย่างที่คาด หลังจากสองฝ่ายค่อยๆ ออกห่างไป คล้ายกับจะลับหายไปที่ปลายมิติ พริบตาถัดมา ลมปราณที่แข็งแกร่งสายหนึ่งก็บังเกิดขึ้น
ด้วยสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ กลับมองภาพการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองไม่ชัดแล้ว
ทว่าการปะทะกันอย่างรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนระเบิดขึ้นห่างออกไป
คลื่นหลงเหลือที่บ้าคลั่งนั้นค่อยๆ กระเพื่อม แล้วกระจายออกไปรอบๆ เหมือนกับคลื่นทะเล
เรือนภาบัวแดงที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่สั่นไหวอย่างรุนแรง ถูกกระแทกถอยไปด้านหลัง!
กลับเป็นโลกสีเหลืองตุ่นที่เกิดจากญาณจริงแท้ของประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ยังคงอยู่นิ่งที่เดิมไม่ไหวติง
ทว่าโลกที่เหมือนกับไข่ไก่มีขนาดหดเล็กลงอย่างชัดเจน พลังผนึกรวมที่ศูนย์กลางกว่าเดิม ค่อยต้านทานคลื่นหลงเหลือจากการปะทะกันของจักรพรรดิทั้งสองได้
แสงสีชาดของบัวแดงขนาดยักษ์ใกล้ๆ เรือนภาบัว ยามนี้ถูกเก็บกลับมาแล้วเช่นกัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่บนกลีบดอก ตอนนี้กระจัดกระจาย ร่างปลิวไปด้านหลัง
“น่าเสียดายที่ไม่อาจดูต่อไปได้อีกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางด้วยความเสียดาย บนใบหน้าของมู่จวินที่อยู่ด้านข้างก็ปรากฏความรู้สึกเดียวกัน
จักรพรรดิแพรงามกระตุ้นอาวุธเซียนของตัวเองสู้กับทวนพระอังคาร แต่ว่าผลแพ้ชนะระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเป็นอย่างไร พวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่อาจยืนยัน
ทว่าแค่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้ได้เพียงเท่านี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ถือว่าได้ประโยชน์อย่างเปี่ยมล้นแล้ว
ความสนใจในผลลัพธ์ของการต่อสู้ของเขา ณ เวลานี้ ส่วนใหญ่มาจากการพัฒนาของสถานการณ์ต่อจากนี้
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมหวังว่า จักรพรรดิแพรงามจะสามารถเอาชนะได้
นี่ไม่เกี่ยวข้องกับที่ในตอนนั้นทวนพระอังคารทำให้เขาต้องไปโผล่ที่โถงเซียน ตรงกันข้าม แม้ว่าจะพบเจออันตราย แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ดีใจที่ได้ทราบถึงการดำรงอยู่ของโถงเซียน
เขาหันไปมองมู่จวิน “หลังจากการต่อสู้นี้จบลง ไม่ทราบว่าข้าสามารถไปเยี่ยมเยียนประมุขอาคเนย์ อาจารย์ของท่านได้หรือไม่”
มู่จวินตอบ “น่าเสียดายนัก เกรงว่าจะไม่ได้ ท่านอาจารย์ออกเดินทางแล้ว”
“หา?” เยี่ยนจ้าวเกองงงัน นี่กลับเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้ทราบจากตอนที่พูดคุยกับหลิวเซี่ยงถง ประมุขพรรคเขาหยกแห่งเขตมหานภากลางเมื่อก่อนหน้านี้
“ไม่กี่วันมานี้ ก่อนที่จะถึงวันต่อสู้ตัดสินระหว่างจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคาร ประมุขปฐวีได้กลับมาจากมิติต่างแดน แล้วเชิญท่านอาจารย์ไปยังเขตมหานภากลาง คล้ายมีเรื่องสำคัญ” มู่จวินอธิบาย
“ไม่เพียงแต่ท่านอาจารย์เท่านั้น ได้ยินว่าประมุขคนอื่นๆ ต่างก็ได้รับการเชิญเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา “เช่นนี้หมายความว่า ประมุขทั้งสิบรวมตัวกันที่เขตมหานภากลางแล้วหรือ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลิวเซี่ยงถงบอกว่าหลังจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงกับจักรพรรดิแพรกำหนดวันนัดสู้แล้ว ก็ออกจากโลกซ้อนโลกไปพร้อมกัน ความจริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี