สือเถี่ยกล่าว “ตอนนี้ยังยากที่จะตัดสินชี้ขาดได้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่เรื่องมีความข้องเกี่ยวกับปีศาจอัคคี ย่อมต้องตรวจสอบให้ละเอียด”
“เรื่องนี้สำคัญและเร่งด่วนยิ่งกว่าเรื่องของกลุ่มทำลายหุบเหวปราการมังกรนัก”
ในตอนที่ได้ชมพิธีโลหิตจิตหวนเวลาเมื่อครู่ สือเถี่ยก็รู้สึกตงิดใจอยู่ลึกๆ ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากแหวนของเยี่ยจิ่ง
เพียงแต่เขาไม่ใช่คนที่จะด่วนสรุปอะไรง่ายๆ ดังนั้นจึงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเท่านั้น
ส่วนความผิดปกติของอเวจี แม้ทุกคนจะคอยเฝ้าระวัง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่อันตรายถึงขั้นต้องให้ความสนใจเป็นอันดับแรก
ปีศาจอัคคีเป็นศัตรูเก่าที่สู้รบกับโลกแปดพิภพอย่างเอาเป็นเอาตายมาตลอดหลายปีมานี้ ถ้าหากว่าเยี่ยจิ่งได้รับการสืบทอดจากจักรพรรดิปีศาจอัคคีโดยบังเอิญก็แล้วไป
แต่ถ้าหากเขามีความสัมพันธ์กับโลกปีศาจอัคคีในขณะนี้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากมาก
ตอนนี้สือเถี่ยยังคงไม่ได้ตัดสินเรื่องนี้ กระนั้นระดับความสำคัญของเรื่องนี้ ก็ยกระดับขึ้นภายในใจของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าเหยียนซวี่หมองคล้ำกลายเป็นก้นหม้อ กัดฟันพูดว่า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถามอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ท่านผู้อาวุโสเหยียนถึงต้องการให้ข้าถึงแก่ความตาย”
เหยียนซวี่เปล่งเสียงฮึดฮัด สีหน้าท่าทางคลุมเครือ
จุดสนใจของคนอื่นๆ แท้จริงแล้วยังคงอยู่ที่บนร่างของเยี่ยจิ่ง สายตาของทุกคนกำลังเพ่งพิจารณาเขาอยู่
บัดนี้เยี่ยจิ่งจึงอยู่ในสภาวะที่สับสน
มีสายตาของทุกคนจดจ้องเช่นนี้ ผู้ที่กำลังโกรธแค้นร้อนรนย่อมต้องไม่สบายเนื้อสบายตัวเป็นธรรมดา
เขาเข้าใจสถานการณ์ของโลกนี้จำกัดนัก ทว่าเกี่ยวข้องกับปีศาจอัคคีอย่างไร แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่รู้ชัดเจนอยู่แล้ว
บัดนี้ได้ยินว่าตนเองถูกผู้อื่นกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกันกับปีศาจอัคคี จึงทั้งโกรธและตกใจ
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมองไป เขาพบว่าลายเพลิงทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจิ่งยิ่งเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับทั้งร่างกายกำลังจะลุกไหม้ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยจิ่งตะคอกด้วยความโมโห “เยี่ยนจ้าวเกอ! ข้าตกอยู่ในกำมือของเจ้า หากเจ้ามีความสามารถพอ จะฆ่าจะแกงก็เข้ามาเลยสิ!”
“เพื่อที่จะให้มีชื่อเสียง ถึงขั้นต้องสร้างเรื่องใส่ร้ายข้าด้วยหรือ เจ้ามันชาติสุนัขกลับขาวเป็นดำ เปลี่ยนผิดเป็นถูก!”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างใจเย็นว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นปลาติดแห เป็นลูกไก่ในกำมือ จะจัดการเจ้าก็สมควรแล้ว ข้ายังจำเป็นต้องสร้างเรื่องใส่ร้ายเจ้าอีกหรือ”
“เจ้าเองอาจจะไม่รู้เรื่องด้วย แต่การจะตรวจสอบก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลังจากนำเจ้ากลับสำนักแล้ว ให้ยอดฝีมือของสำนักศึกษาแหวนวงนั้นของเจ้า เพียงเท่านี้ก็มีบทสรุปแล้ว”
เขามองเยี่ยจิ่งอย่างสงบนิ่ง “อย่าหลงตัวเองนักเลย ข้ามีเรื่องอีกตั้งมากมายต้องทำ ไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับเจ้าหรอก”
เยี่ยจิ่งยิ่งโมโหมากขึ้น ลายเพลิงบนร่างกายส่องสว่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากนั้นก็มีเปลวไฟของจริงลุกไหม้ขึ้นมา!
เขาอยู่ท่ามกลางเปลวไฟรอบด้าน พลางจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ สือเถี่ย ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะตะวันออก และคนอื่นๆ เขม็ง
“พวกคนของเขากว่างเฉิงล้วนเป็นพวกเดียวกันทั้งหมดดังคาด ร่วมกันปกป้องคนผิด!”
“จิตใจคนทั้งน่ากลัวและโหดเหี้ยม สังหารคนเป็นว่าเล่น พวกเจ้าดุร้ายอำมหิตเสียยิ่งกว่าปีศาจอัคคีเสียอีก!”
“ให้เข้าเป็นพวกเดียวกับคนเช่นพวกเจ้า สู้ไปอยู่กับปีศาจอัคคีเสียดีกว่า!”
เยี่ยจิ่งเงยศีรษะขึ้นฟ้าตะโกนอย่างบ้าคลั่ง บนมือของเขาปรากฏแสงสีแดงทรงกลมครอบบนนิ้วมือ ซึ่งนั่นก็คือแหวนสีแดงเข้มวงนั้น
แหวนระเบิดแสงอันเจิดจ้าออกมา ด้านหลังของเขาเกิดเงามายาขึ้นรางๆ
ท่ามกลางเงานั้น หินหลอมเหลวพวยพุ่งไปทั่วฟ้า และกระจายออกไปทั่วผืนพิภพ!
ประหนึ่งกับมียักษ์เพลิงที่น่าหวาดกลัวตนหนึ่งปรากฏอยู่ในนั้น
นี่ไม่ใช่ลมปราณอันแข็งแกร่งที่สามารถสร้างขึ้นจากพลังของเยี่ยจิ่งในตอนนี้ และแม้มันจะไหลออกมาขาดๆ หายๆ ทว่าก็ทำให้จิตใจก็ผู้คนสั่นสะเทือนได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพตรงหน้า ก่อนจะกลอกตาขาวมองครั้งหนึ่ง “…สมองของเจ้าถูกเผาจนเสียสติแล้วจริงๆ หรืออย่างไร”
สิ่งที่ไม่เหมือนกับภาพที่ฉายให้เห็นในพิธีโลหิตจิตหวนเวลาก่อนหน้านี้ ก็คือบัดนี้ทุกคนสามารถรับรู้และสัมผัสโดยตรง
บรรดาผู้คนรอบข้าง แม้แต่เหยียนซวี่ที่กำลังมองเยี่ยจิ่งอยู่ในตอนนี้ ล้วนรับรู้ได้ถึงพลังภายในเงามายานั่น และรู้สึกเชื่อการวิเคราะห์ของเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ไปแล้วเจ็ดแปดส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี