สำหรับเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ อารามเอกนิกายนี้เป็นหลุมใหญ่ที่ลึกสุดใจ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาสามขามาจากโลกซ้อนโลก ซึ่งต่อให้ได้การสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ไปแล้วก็ไม่สามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่กลับวางแผนเข้ามาในตำหนักใหญ่สุดชีวิต จวงเจาฮุยคงสงสัยว่าพวกเขาทราบอยู่แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่การสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์
ส่วนสาเหตุที่พวกเขามอบแส้ปัดหักครึ่งชิ้นนั้นให้กับตน เป็นเพราะต้องการเล่นงานเนินต้นจักรพรรดิล้วนๆ
แต่ว่าเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาสามขาน่ากลัวจะไม่ทราบเบื้องหลังที่แท้จริงของอารามเอกนิกายแห่งนี้
ขณะมองเทวรูปของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษด้านหน้า และคิดว่าขุมกำลังสองกลุ่มล้วนเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ามา พวกจวงเจาฮุยก็หมดอาลัยตายอยาก อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก
คนตายไปตั้งมากถึงเพียงนั้น ใช้ความพยายามไปมากถึงเพียงนั้น แต่กลับได้ผลลัพธ์เช่นนี้
จวงเจาฮุยไม่กล้าคิดต่อ เพราะรู้สึกคับข้องใจจนแทบกระอักเลือด
เขามองอาจารย์อาร่วมสำนัก อีกฝ่ายมีสีหน้าอึมครึมเหมือนกันกับตน
“มุ่งหน้าต่อไป ในเมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว ก็กลับไปมือเปล่าไม่ได้” จวงเจาฮุยสูดหายใจลึก “มิพักเอ่ยถึงวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ ถ้าหากมีของล้ำค่าเหลืออยู่ ก็สามารถปลอบประโลมวิญญาณของทุกคนที่อยู่บนสวรรค์ได้”
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายอาศัยผนึกป้องกันขัดขวางพวกเขา ต่อมาพอผนึกป้องกันไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ ก็หนีไปทันที หมายความว่ามีความสามารถจำกัด
“ไม่อย่างนั้นก็กลับไปจัดการคนจากเขาสามขา ถือว่าระบายแค้นได้เหมือนกัน”
จวงเจาฮุยปั้นสีหน้าเย็นเยียบ “ท่านอาจารย์อา ถอยไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ข้าไม่ยอมรับ!”
บุรุษวัยกลางคนมองเทวรูปของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ เงยหน้าถอนใจยาว “แม้นว่าเขาสามขาจะน่าชิงชัง แต่พวกเขาจะรอดมาจากในผนึกป้องกันได้หรือไม่ยังไม่แน่นัก จึงยังไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”
“พวกเราหากเดินหน้าต่อ ในที่สุดก็จะรู้ว่าคนที่ลอบเล่นงานพวกเราเป็นใคร ไว้วันหน้าค่อยตามหาอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้น”
การดับสิ้นของหงส์เพลิงของคนทั้งสอง ล้วนใช้ได้แค่ครั้งเดียว และได้หมดไปแล้ว
ตอนนี้ยังสูญเสียอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ต่อจากนี้จะต้องระวังตัว
แม้ว่าศัตรูจะดูเหมือนลอบเล่นงาน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท
แต่ถ้าหากว่ากลับไปด้วยสภาพน่าอนาถขนาดนี้ อย่าว่าแต่จวงเจาฮุย แม้แต่บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ยอม
คนทั้งสองออกจากตำหนักใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ล่วงลึกเข้าไปในอารามเอกนิกาย
อีกด้านหนึ่ง อาหู่ที่ตอนแรกเฝ้าตำหนักหน้า หลังจากสัมผัสได้ว่ากำลังมีคนผ่านผนึกป้องกันเข้ามาในตำหนัก เขาก็อดเกาศีรษะไม่ได้ ‘เป็นยอดฝีมือจากที่ไหนกัน ภัยพิบัติสามอย่างทำงานพร้อมกันก็ยังฆ่าไม่ได้หรือ’
เขาหดคอ กระโดดขึ้นบนหลังพ่านๆ หนึ่งคนหนึ่งตัวเข้าไปในตำหนัก พุ่งไปยังเบื้องหลัง
ยามนี้อาหู่ไม่กล้ารีรออยู่อีก แต่ทำตามคำสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ หากขวางไม่ได้ เช่นนั้นก็รีบถอย
ศัตรูที่สามารถผ่านผนึกป้องกันเช่นนั้นมาโดยไม่ตายได้ สมควรไม่ใช่คนที่เขากับพ่านพ่านรับมือได้
บางทีอีกฝ่ายอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าเกิดไม่ใช่ขึ้นมา เขาอาจจะถูกอีกฝ่ายกำจัดก็เป็นได้
‘ไม่ทราบสถานะของอีกฝ่าย เลยแจ้งคุณชายไม่ได้’ อาหู่กล่าวในใจ นั่งบนหลังพ่านพ่าน ปล่อยให้พ่านพ่านวิ่งตะบึง
ในฐานะพาหนะของเยี่ยนจ้าวเกอ พ่านพ่านกับเขามีจิตใจเชื่อมถึงกัน
แม้ว่าด้านในอารามเอกนิกายตรงหน้าจะค่อนข้างลี้ลับ แต่พ่านพ่านก็หาตำแหน่งของเยี่ยนจ้าวเกอพบอย่างรวดเร็ว
เมื่อบรรลุถึงห้องสงบใจห้องนั้น อาหู่ก็ยื่นหน้าเข้าไปมอง อดสะดุ้งโหยงไม่ได้
เห็นด้านในห้องสงบใจ เยี่ยนจ้าวเกอถือแผ่นหยกไว้แท่งหนึ่ง อีกมือหนึ่งกำเป็นมุทรากระบี่ กำลังนั่งขัดสมาธิ
มีเส้นสีดำหลายเส้นยืดออกมาจากร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ เส้นสีดำแผ่ลามไปทั่วกำแพง พื้น และเพดานของห้องสงบใจ ตัดสลับพาดขวางกัน
เส้นสีดำกระจายไปทั่ว ห้องสงบใจเหมือนกลายเป็นโลกใบหนึ่ง ตัดขาดจากอารามเอกนิกายที่อยู่เบื้องนอก
เยี่ยนจ้าวเกอคนนั่งอยู่ที่นั่น แต่ว่าในประสาทรับรู้ของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เหมือนกับยุบตัวลงกลายเป็นจุดเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี