“ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้างสบายดีรึเปล่า?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยทักทายขึ้นตามมารยาท
วันนี้ซูหว่านเอ๋อแต่งตัวมาในชุดเดรสสีเบจยาวคลุมเข่า ดวงตาสีดำราวกับมุกของเธอมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาประหลาดใจ
เธอไม่นึกเลยว่าวันนี้เธอจะได้เจอกับอวี้ฮ่าวหรานที่นี่
ต้องรู้ว่าชายคนนี้เคยช่วยเธอเอาไว้ถึง 2 ครั้งติดกัน ดังนั้นเธอจะลืมผู้ชายที่มีพระคุณคนนี้ง่ายๆ ได้ยังไง?
“ฉันขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับเรื่องที่คุณช่วยฉันเอาไว้เมื่อตอนนั้น”
หลังจากหายจากอาการประหลาดใจ ซูหว่านเอ๋อก็รีบขอบคุณเขา
“ฮ่าฮ่า ไม่นึกเลยว่าน้องอวี้กับหว่านเอ๋อจะรู้จักกันด้วย ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ดีจริงๆ!”
หลินป๋อซึ่งหันกลับมาเหลือบเห็นภาพนี้พอดี เขารีบลุกขึ้นจากโต๊ะและเอ่ยทักอวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่จะแนะนำเพื่อนๆ ของเขาให้รู้จักอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน
“ทุกคนๆ นี่น้องอวี้ น้องชายของฉันเอง เขาเก่งมากๆ ในเรื่องการดูวัตถุโบราณ ครั้งล่าสุดที่ฉันไปตลาดขายของเก่า หากไม่ได้เขาฉันคงเสียเงินไปเปล่าๆ กับวัตถุโบราณเก๊ราคา 6 ล้านหยวน!”
“ไม่นึกเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้…” ซูหว่านเอ๋ออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอก่อนที่จะเอ่ยปากชมเบาๆ
“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่ะ ว่าแต่คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างถ่อมตัว
“หลักๆ เป็นเพราะลุงหลินกับพ่อของฉันเป็นเพื่อนกัน และพอเขารู้ว่าฉันเองก็ชอบวัตถุโบราณเขาก็เลยชวนฉันมาที่นี่วันนี้”
“อืม เขาก็ชวนผมมาเหมือนกัน”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามคำ หลินป๋อก็ชวนให้ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะ
“น้องอวี้ ฉันขอบคุณมากเลยที่นายมาหาฉันในวันนี้ ถ้าในวันหน้านายมีปัญหาอะไรจงรู้ไว้ว่าสามารถโทรหาฉันได้ตลอดเวลา ฉันจะไม่ปฏิเสธนายอย่างแน่นอน” หลินป๋อให้คำสัญญาพร้อมกับตบอกตัวเอง
“คุณไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนี้หรอก ก่อนหน้านี้ผมเองก็ยังไม่ได้ขอบคุณเลยที่ช่วยแนะนำลูกค้าคนอื่นมาให้ผม จนตอนนี้ผลกำไรของบริษัทผมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงเวลาสั้นๆ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกน้องอวี้ ฉันก็แค่พูดแนะนำไปเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น จุดสำคัญมันอยู่ที่สินค้าของนายมันยอดเยี่ยมมากจนเพื่อนๆ ของฉันต่างชอบกันทุกคนต่างหาก!”
อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังคุยกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น
“พี่หลิน ดูเหมือนว่าพี่จะชื่นชอบเด็กหนุ่มคนนี้มากเลยสินะ? แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น อย่างน้อยๆ พี่ก็ควรคุยกับพวกผมสักหน่อยบ้างรึเปล่า?”
ผู้พูดคือชายวัยกลางคนอายุราว 40 ที่มีจมูกใหญ่กว่าคนปกติ เขารู้สึกไม่พอใจที่เห็นหลินป๋อเอาแต่คุยกับอวี้ฮ่าวหรานอย่างสนุกสนาน
“เอาน่าน้องฉาง ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอน้องอวี้เขาสักเท่าไหร่ แถมฉันชื่นชมในความสามารถของเขามากๆ ฉันก็เลยอยากคุยกับเขามากสักหน่อย” หลินป๋อตอบกลับ
“มีความสามารถ? อ้อ คนนี้ใช่ไหมที่พี่หลินบอกว่าเก่งกาจด้านการดูวัตถุโบราณ? แต่อายุน้อยขนาดจะมีความสามารถจริงๆ งั้นเหรอ รอบที่แล้วที่เขาดูให้พี่ถูกมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่ารึเปล่า?”
ชายจมูกโตพ่นลมหายใจอย่างดูถูกเบาๆ เขาไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมีความสามารถอย่างที่หลินป๋อเคยเอ่ยให้ได้ยิน
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันที เขาไม่เคยเจอหน้าคนๆ นี้มาก่อนด้วยซ้ำ ทำไมอีกฝ่ายถึงพูดจาดูถูกเขาอย่างไร้เหตุผลแบบนี้กัน?
“น้องฉาง นี่นายกำลังตั้งคำถามกับวิจารณญาณของฉันงั้นเหรอ? ในวันนั้นฉันเห็นความสามารถของน้องอวี้เต็มสองตา นายกำลังหาว่าฉันโง่เง่าจนดูไม่ออกเหรอไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]