คำพูดของอวี้ฮ่าวหรานทำให้บรรยากาศในโต๊ะปั่นป่วนทันที
หากจักจั่นหยกชิ้นนี้เป็นของปลอม งั้นแล้วมูลค่าของมันจะดำดิ่งกลายเป็นไร้ค่าทันที
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะบอกว่ามันปลอม แต่ทุกคนในโต๊ะต่างมีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูวัตถุโบราณมาพอสมควรอยู่แล้ว ซึ่งพวกเขาต่างก็มองไม่ออกว่าจักจั่นหยกชิ้นนี้มันเป็นของปลอมยังไง?
“น้องชาย นายควรจะระวังคำพูดสักหน่อย ถึงแม้ว่านายจะมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณสมัยราชวงศ์โจวมากมาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านายจะสามารถดูมันออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอมจริงไหม?”
“ใช่ ถ้านายไม่เข้าใจอะไรก็อย่าพูดจะดีกว่า มันทำให้นายดูเป็นตัวตลก ถ้ามันเป็นของปลอมจริงทำไมพวกฉันถึงมองมันไม่ออกเลยสักคน?”
“…”
ทุกคนต่างไม่เชื่อคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน พวกเขาต่างตั้งคำถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
ในสายตาของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงมันก็ไม่ปลอม!
“หากพวกคุณไม่เชื่อผมก็แล้วแต่ แต่ถ้าผมบอกว่ามันปลอมมันก็คือของปลอม”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำโต้เถียงของคนเหล่านี้ เมื่อเขาพูดจบเขานั่งลงไปตามเดิม
แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ชายจมูกโตโมโหทันที
“เดี๋ยวก่อน!” เขายืนขึ้นและจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาเดือดดาล “ถึงแม้ว่านายจะรู้เรื่องวัตถุโบราณสมัยราชวงศ์โจวมากมาย แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินมั่วๆ เกี่ยวกับของๆ ฉันแบบนี้! หากคำพูดของนายในวันนี้มันแพร่ไปถึงหูของคนภายนอก ฉันจะต้องเสียหายมากเท่าไหร่นายรู้รึเปล่า ฉันรู้สึกรับไม่ได้กับการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของนาย!”
“ไม่เชื่อจริงๆ ใช่ไหมว่าไอ้ของชิ้นนี้มันปลอม?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้าดูถูก
“ฮ่าฮ่า ปลอมงั้นเหรอ? จักจั่นหยกชิ้นนี้ฉันได้มันมาจากงานประมูล! มันถูกผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบมาอย่างละเอียดแล้วโว๊ย! แกไอ้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเก่งมาจากไหนถึงกล้าพูดว่ามันปลอม?”
ชายจมูกโตเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกเช่นกัน
บรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชายจมูกโต พวกเขาต่างมองว่าจักจั่นหยกชิ้นนี้เป็นของแท้
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบาๆ พลางคิดในใจว่าคนพวกนี้นี่มันน่าเวทนาจริงๆ คนพวกนี้ไม่รู้อะไรเลยแต่กลับทำตัวเหมือนคนที่รู้ทุกอย่างในโลกนี้
“ก็ได้ในเมื่อทุกคนเชื่อนักว่ามันเป็นของแท้ ถ้างั้นผมจะชี้เป็นจุดๆ อย่างละเอียดเลยก็แล้วกันว่าทำไมไอ้ของชิ้นนี้มันถึงเป็นของปลอม”
“อันดับแรกดูที่ด้านซ้ายของปีกตรงโคนปีกของมัน มันมีรอยแตกร้าวเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น…”
“แล้วไง? พวกงานเก่าๆ ล้วนแล้วแต่มีตำหนิกันทั้งนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย!” หนึ่งในคนที่อยู่ในห้องโต้เถียง
“แน่นอนว่าวัตถุโบราณทุกชิ้นต่างมีตำหนิ แต่รอยแตกร้าวอันนี้มันดูสมบูรณ์แบบเกินไป มันไม่ได้เกิดจากขั้นตอนการแกะสลักโดยฝีมือมนุษย์แน่นอน มันมีแค่แขนจักรกลของหุ่นในปัจจุบันเท่านั้นที่สามารถสร้างรอยแตกร้าวในบริเวณแคบๆ แบบนั้นได้”
“และอีกอย่าง ถึงแม้ว่าจักจั่นหยกชิ้นนี้จะมีลวดลายโค้งเว้ามากกว่าเส้นตรงตามแบบฉบับศิลปะสมัยราชวงศ์โจว แต่ถ้าดูดีๆ เส้นโค้งเว้าที่ด้านหลังของมันนั้น…”
ในระหว่างที่อวี้ฮ่าวหราน อธิบายเขาไม่ได้มองที่จักจั่นหยกเลยแม้แต่น้อย แค่เพียงการมองแวบเดียวด้วยเนตรเทวะเมื่อครู่เขาก็มองเห็นรายละเอียดทุกอย่างของจักจั่นหยกตัวนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ท้ายสุดนอกเหนือจากจุดใหญ่ๆ 3 จุดที่ผมพูดไป จุดสังเกตใหญ่ที่สามารถจับผิดได้ง่ายที่สุดก็คือตัวเนื้อของหยก ถึงแม้ว่าหยกขาวนี้จะดูเหมือนว่ามาจากสมัยราชวงศ์โจว แต่ถ้าหากตรวจสอบมันดีๆ จะพบว่าหยกแบบนี้เป็นหยกที่นิยมใช้ในสมัยราชวงศ์ชิง!”
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานพูดจบ ทุกคนในห้องต่างนิ่งเงียบ
เมื่อพวกเขาได้สติพวกเขาก็รีบหยิบแว่นขยายมาส่องจักจั่นหยกอย่างละเอียดทันทีตามจุดสังเกตที่อวี้ฮ่าวหรานบอกเมื่อครู่ ซึ่งในเวลาไม่ช้าทุกคนก็พบว่าคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานมันเป็นความจริง!
ชายจมูกโตตกตะลึงมากกว่าใครเพื่อน เขาไม่นึกเลยว่าจักจั่นหยกที่เขาแสนภาคภูมิใจมันคือของปลอม!
“นี่…นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้!”
อาการไม่เชื่อของเขาส่งผลให้คนอื่นๆ ในห้องเริ่มมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง
“น้องฉาง นายเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องแค่นี้นายไม่มีความอดทนพอจะยอมรับมันรึไง?”
“ใช่ อันที่จริงแล้วนายต้องขอบคุณชายอวี้ซะด้วยที่ชี้ให้เห็นว่าจักจั่นหยกของนายมันเป็นของปลอมในวันนี้ ไม่งั้นนายลองคิดดูเอาว่าหากในอนาคตนายเอาจักจั่นหยกอันนี้ไปที่งานใหญ่ๆ แล้วให้คนอื่นดู และเผอิญว่าคนในงานนั้นกลับดูมันออกว่าเป็นของปลอม ถึงวันนั้นนายคงอับอายมากกว่านี้เป็นสิบเท่าแน่ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]