เมื่อได้ยินคำชมของเฉิงกัวอัน อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
“มันไม่มีอะไรมากหรอก พวกสื่อก็แบบนี้แถมการโน้มน้าวจิตใจของผู้คนมันก็ไม่ได้ยากอะไร”
เขาเข้าใจดีว่าความคิดเห็นของผู้คนถูกชักจูงได้โดยง่ายจากสื่อต่างๆ
เฉิงกัวอันพยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกสื่อที่เล่นงานเขาซะจนแทบจะย่อยยับ
…
ที่อีกด้านหนึ่ง
“ปัง!!”
หลังจากหวังเจาได้ดูข่าวในทีวีที่นำเสนอข่าวแก้ต่างให้กับบริษัทชิวเฮิงและฉีถง เขาตบโต๊ะอย่างแรงและทั้งตัวของเขาก็สั่นเทาไปด้วยความโกรธ!
แผนการของเขาทั้งหมดถูกทำลายลงแบบไม่เหลือชิ้นดี!
และยิ่งไปกว่านั้น ข่าวที่ออกไปมันกลับทำให้บริษัทชิวเฮิงได้รับความเห็นใจจากผู้คนไปเต็มๆ!
“ฉีถง! นี่แกอยากจะเสียบริษัทของแกมากใช่ไหม?!”
หวังเจาตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาลกับตัวเอง
เมื่อคิดได้เขากดโทรศัพท์โทรออกไปหาฉีถงในทันที เขาต้องการรู้ว่าทำไมฉีถงถึงกล้าหักหลังเขาแบบนี้?!
“ฉีถง! แกอธิบายมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ว่าทำไมแกถึงให้ข่าวไปแบบนั้น! ไม่อย่างนั้นอย่าได้มาโทษฉันที่จะส่งรูปภาพและข้อมูลทั้งหมดนั่นไปให้กับเมียของแก!”
ทันทีที่ฉีถงรับสาย หวังเจาตะคอกใส่โทรศัพท์ทันที
“โอ้ คุณหวังใช่ไหมเอ่ย? เฮอะ ๆ ทำไมคุณต้องโมโหอะไรขนาดนี้ด้วย?”
ฉีถงที่อยู่ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ…
“ฉีถง! อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าเชียวนะโว้ย! ฉันจะถามแกอีกรอบทำไมแกถึงให้ข่าวไปแบบนั้น? แกไม่ต้องการบริษัทของแกแล้วใช่ไหม?!” หวังเจาข่มขู่ด้วยความเคียดแค้น
“บริษัท? หวังเจา นี่คุณพูดถึงเรื่องอะไรกันผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย? แต่ก็เอาเถอะผมไม่อยากจะถือสาคนบ้าแบบคุณ อ้อ…แล้วก็อีกอย่าง ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่านับจากนี้ ผมจะขอตัดความสัมพันธ์ทางการค้ากับคุณทั้งหมด! ผมจะไม่ส่งวัตถุดิบไปขายให้คุณแม้แต่สักกรัมเดียว!”
“แก!”
หวังเจาตื่นตระหนกทันทีเมื่อได้ยินคำนี้
“นี่แกลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันยังมีหลักฐานที่แกนอกใจเมียของแกอยู่! เมื่อไหร่ที่ฉันส่งพวกมันไปให้เมียแก แกบอกลาบริษัทของแกได้เลย!”
ในขณะที่หวังเจาข่มขู่ไปอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจที่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับหลักฐานที่เขามีอยู่ในมือ
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังหวาดกลัวจนลนลานอยู่เลยตอนที่เขาเอาหลักฐานนี้ขึ้นมาขู่ แต่ทำไมตอนนี้ทุกอย่างมันถึงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว?
“แกมีหลักฐานอะไรงั้นเหรอฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง? เฮ้อ…หวังเจา ถ้าแกมีหลักฐานอะไรจริงแกก็ควรจะแสดงให้ฉันดูก่อนที่แกจะขู่ฉันปากเปล่าแบบนี้จะดีกว่า!”
ฉีถงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แน่นอนว่าเขาต้องพูดในลักษณะราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเพราะเขากลัวว่าหวังเจาจะอัดเสียงการสนทนานี้เป็นหลักฐานมัดตัวเขาอีก ส่วนหลักฐานของหวังเจาก่อนหน้านี้น่ะเหรอ?
เขาเผาพวกมันทิ้งไปจนหมดแล้ว อีกฝ่ายจะมีอะไรส่งมาให้เขาดูได้ยังไง?!
หลังจากเยาะเย้ยจบ ฉีถงก็วางสายในทันที
“ตรู้ด…ตรู้ด…”
หวังเจาขมวดคิ้วแน่นเมื่อถูกวางสายใส่ เขาครุ่นคิดอย่างหนักว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีท่าทีโอหังได้ขนาดนี้?
“หรือว่าจะเป็นเพราะ!”
เมื่อคิดออก เขารีบวิ่งไปที่มุมห้องออฟฟิศของเขาและเปิดแผ่นกระเบื้องที่ปกปิดตู้เซฟในทันที
ในทันทีที่เขาเปิดแผ่นกระเบื้องออกเขาก็ต้องตกตะลึงจนแทบจะหงายหลัง
ตู้เซฟของเขาถูกงัด!!!
“บัดซบ ๆๆๆๆๆ! หลักฐานอยู่ที่ไหน หลักฐานอยู่ที่ไหน!!!”
หวังเจาเปิดประตูตู้เซฟที่พังยับออกและค้นหาของที่อยู่ด้านในอย่างบ้าคลั่ง
นี่มันเป็นไปได้ยังไง!?
เขามั่นใจว่าเขาวางระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้แน่นหนามาก ๆ แล้วนี่นา ทำไมถึงมีคนบุกเข้ามาได้โดยที่คนของเขาไม่รู้ตัวแบบนี้???
มิน่าล่ะทำไมฉีถงถึงกล้าพูดจาโอหังกับเขาแบบนั้น ที่แท้หลักฐานที่เขามีเอาไว้เป็นเครื่องต่อรองมันกลับหายไปซะแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]